อิเหนาเข้าห้องนางสการะวาตี
|
|
ช้า
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีศรีใส
|
อยู่ด้วยจินตะหรายาใจ
|
ที่ในปราสาทแก้วแววฟ้า
|
คิดถึงนางสการะวาตี
|
ภูมีจะใคร่ออกไปหา
|
จึงมีมธุรสพจนา
|
ตรัสแก่วนิดาลาวัณย์
|
เจ้าอย่าละห้อยสร้อยเศร้า
|
เปลี่ยวเปล่าฤทัยโศกศัลย์
|
วันนี้พี่จะลาจรจรัล*
|
ออกไปประเสบันอากง ฯ
|
ร่าย
|
|
๏ สั่งเสร็จเข้าที่สระสนาน
|
สุคนธารประทิ่นกลิ่นส่ง
|
สอดใส่เครื่องประดับสำหรับองค์
|
พอเย็นย่ำค่ำลงก็จรลี ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
|
|
๏ ครั้นถึงจึงเผยม่านทอง
|
เข้าไปในห้องมารศรี
|
นั่งลงข้างองค์นางเทวี
|
ทำเฉยอยู่ดูทีกัลยา ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
นางสการะวาตีเสนหา
|
บังคมแล้วเลื่อนองค์ลงมา*
|
กัลยาสะเทินเมินพักตร์ ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
|
ชาตรี
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีมีศักดิ์
|
จึ่งตรัสว่าโฉมยงนงลักษณ์
|
ช่างผินผันหันพักตร์ไม่ทักทาย
|
เสียแรงมาหาน้องถึงห้องใน
|
เพราะจงใจผูกพันมั่นหมาย
|
เชิญมานั่งบนที่ด้วยพี่ชาย
|
จะสะเทินเขินอายกันว่าไร
|
ตรัสพลางอุ้มนางขึ้นแท่นทอง
|
ค่อยประคองเชยชิดพิสมัย
|
ตระกองกรเลียมลอดสอดไว้
|
อรไทผลักพลิกหยิกตี*
|
อนิจจาโฉมเฉลาเยาวลักษณ์
|
ก่อนแต่ค้อนควักผลักมือพี่
|
ไม่เห็นหรือรักเจ้าเท่าชีวี
|
สาวน้อยถอยหนีพี่ยาไย ฯ*
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
|
ร่าย
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
นางสการะวาตีศรีใส
|
เอียงอายอดสูภูวไนย
|
ปัดกรค้อนให้แล้วพาที ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
|
๏ น้อยเอยน้อยจิต
|
พระทรงฤทธิ์ไม่โปรดเกศี
|
มาทำเทียมเลียมเล่นเช่นนี้
|
นี่หรือภูมีว่าเมตตา
|
แกล้งจะให้ได้ความหม่นหมอง
|
ขุ่นข้องรำคาญเคืองไปเบื้องหน้า
|
ต่ำศักดิ์รักตัวกลัวนินทา
|
ทั้งเป็นเชลยมาแต่เมืองไกล
|
โปรดเถิดขอประทานอย่าหาญหัก
|
เช่นนี้หาประจักษ์ว่ารักไม่
|
แม้นเสด็จคืนหลังยังวังใน
|
นั่นแหละจะเห็นใจว่าปรานี ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
|
โลม
|
|
๏ แสนเอยแสนคม
|
ลิ้นลมละเมียดเสียดสี
|
ธรรมเนียมที่ไหนของใครมี
|
อย่างนี้ว่าทำให้รำคาญ
|
พี่ทำโดยธรรมดาประสารัก
|
อนิจจาไม่ประจักษ์ว่าหักหาญ
|
จะพูดไปไยเล่าไม่เข้าการ
|
อันคนซื่อนี้นานจะเห็นใจ
|
ว่าพลางทางถดเข้าชิด*
|
อิงแอบแนบสนิทพิสมัย
|
เจ้าจะผลักพี่ยาเสียว่าไร*
|
น้อยหรือทำได้ไม่เมตตา
|
ก่นแต่รบเร้าเฝ้าขับ
|
สู้ตายจะกลับอย่าพักว่า
|
ถ้าแม้นจะให้พี่ไคลคลา
|
จงผ่อนผันหันหากันโดยดี ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
|
ร่าย
|
|
๏ พระเอยพระโฉมงาม
|
จะแกล้งให้ได้ความบัดสี
|
สารพัดตรัสมาทั้งนี้
|
เห็นดีได้เปรียบข้างภูวไนย
|
น้องนี้พรั่นจิตคิดเกรงกลัว
|
ไม่รู้ที่จะไว้ตัวกระไรได้
|
จะให้หย่อนผ่อนผันตามพระทัย
|
ก็เกรงภัยความผิดจะติดพัน
|
จงดำริตริดูเถิดภูมี
|
น้องทูลโดยดีไม่เดียดฉันท์
|
เป็นความสัตย์จริงทุกสิ่งอัน
|
ไม่ประชดประชันฉันทา ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
|
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่
|
ว่าไยอย่างนี้ขนิษฐา
|
อันความที่พี่รักกัลยา
|
ยิ่งกว่าดวงเนตรดวงใจ
|
จะถนอมเนื้อนวลสงวนน้อง
|
มิให้เคืองขัดอัชฌาสัย
|
เมื่อมิเชื่อโฉมตรูคอยดูไป
|
พี่มิให้เสียสัตย์ซึ่งสัญญา
|
ถ้าแม้นมีใครหมิ่นถิ่นแคลน
|
ให้เจ็บใจได้แค้นจึงค่อยว่า
|
ถึงมาหยารัศมีศรีโสภา
|
พี่ก็ได้ปรึกษาหารือ
|
เขาก็ยินยอมพร้อมใจ
|
เจ้าจะขืนขัดไปจะได้หรือ
|
ว่าพลางฉวยฉุดยุดยื้อ
|
น้องรักผลักมือพี่เสียไย ฯ*
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
|
ร่าย
|
|
๏ น่าเอยน่าสรวล
|
พระบัญชาว่าควรแต่ส่วนได้
|
ทำไมกับจะอ้างข้างนั้นไป
|
เมื่ออยู่ใต้บาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์
|
เป็นคนวาสนาน้อยก็พลอยว่า
|
จะแข็งขัดวัจนาก็กลัวผิด
|
ปรานีน้องบ้างยั้งหยุดคิด
|
ใช่จะบิดเบือนไปเมื่อไรมี
|
ไหนไหนก็ในจะเป็นข้า
|
อันจะพ้นผ่านฟ้าก็ใช่ที่
|
มาด่วนทำอะไรไยอย่างนี้
|
ดังจะสิ้นเดือนปีทิวาวัน ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
|
โลม
|
|
๏ ทรามเอยทรามเชย
|
ไม่เอ็นดูบ้างเลยนางสาวสวรรค์
|
เมื่อความรักร้อนใจดังไฟกัลป์
|
จะให้กลั้นให้ทนกลใด*
|
เจ้าจะห้ามความอื่นไม่ขืนขัด
|
อันจะห้ามปฏิพัทธ์นี้ไม่ได้
|
ว่าพลางเชยปรางอรไท
|
ลูบไล้โลมน้องประคองเคียง
|
บันดาลอัศจรรย์หวั่นหวาด
|
กัมปนาทนี่นันต์สนั่นเสียง
|
อัสนีคะนองก้องสำเนียง
|
เปรี้ยงเปรี้ยงปลาบแปลบแวบวับ
|
เมฆหมอกตลบกลบกลุ้ม
|
มัวมนมืดคลุ้มชอุ่มอับ
|
บดบังดาวเดือนเพื่อนลับ
|
เป็นพยุพยับโพยมบน
|
โกสุมเสาวรสก็สดชื่น
|
ชุ่มชื้นถูกต้องละอองฝน
|
สองกษัตริย์เกษมศานต์บานกมล
|
อยู่บนแท่นทองรูจี ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ โลม
|
|
ร่าย
|
|
๏ ครั้นพระสุริยารุ่งราง
|
ส่องสว่างจำรัสรัศมี
|
พระเชยโฉมโลมลาเทวี
|
แล้วเสด็จจากที่ห้องใน
|
มาหยุดยั้งอัฒจันทร์ชั้นชาลา
|
ดำรัสเรียกอนุชาเข้ามาใกล้
|
สั่งว่าเจ้าจงพาสองทรามวัย
|
เข้าไปไหว้จินตะหราเวลานี้
|
จะได้รู้จักกันไปวันหน้า
|
พึ่งพาฝากตัวนางโฉมศรี
|
สั่งเสร็จเสด็จจรลี
|
ภูมีเข้ายังวังใน ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
สังคามาระตาอัชฌาสัย
|
ครั้นพระเชษฐาคลาไคล
|
ก็เข้าไปทูลสองกัลยา
|
บัดนี้มีรับสั่งให้ไปเฝ้า
|
โฉมยงนงเยาว์จินตะหรา
|
พระตรัสซ้ำสั่งน้องถึงสองครา
|
ให้พาจรจรัลในวันนี้ ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ทั้งสองสุดามารศรี
|
ได้ฟังอนุชาพาที
|
เทวีแค้นขัดแล้วตรัสไป
|
แม้นไหว้ระเด่นบุษบา
|
ก็ดีกว่าหาน้อยใจไม่
|
ควรที่จะเป็นข้าช่วงใช้
|
ด้วยเนื่องในสุริย์วงศ์เทวา
|
นี่วาสนานางแต่อย่างนี้
|
เป็นเพียงบุตรีท้าวหมันหยา
|
แม้นอยู่ยังพระนครเหมือนก่อนมา
|
เห็นหน้าก็จะพอเสมอกัน
|
ไม่เจ็บช้ำน้ำใจได้เป็นน้อย
|
ทีนี้คนจะพลอยเย้ยหยัน
|
อัปยศอดสูแก่พงศ์พันธุ์
|
จะดูหน้านางนั้นฉันใด
|
จะเล็กกว่าหรือกระไรก็ไม่แจ้ง
|
จนอยู่ไม่รู้แห่งที่จะไหว้
|
สองนางขัดแค้นแน่นฤทัย
|
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
|
๏ บัดนั้น
|
พระพี่เลี้ยงเล้าโลมนางโฉมฉาย
|
อย่ากำสรดระทดระทวยกาย
|
จะอัปยศอดอายแก่ใครมี
|
อันองค์ระเด่นจินตะหรา
|
ก็แก่ชันษากว่าสองศรี
|
คราวเดียวกับระเด่นมนตรี
|
เทวีมินบนอบไม่ชอบกล
|
นึกว่าวิบากกรรมเป็นธรรมดา
|
เหมือนอยู่ใต้ฟ้าจำต้องฝน
|
แม้นไม่โอนอ่อนผ่อนปรน
|
ไหนจะพ้นความผิดติดพัน
|
พระบิดาก็เป็นเมืองขึ้นอยู่
|
โฉมตรูอย่ารังเกียจเดียดฉันท์
|
ฉวยพระโกรธาให้ฆ่าฟัน
|
เมื่อกระนั้นจะทำประการใด ฯ
|
ฯ ๘ คำ
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
สองราชบุตรีศรีใส
|
ฟังสี่พี่เลี้ยงร่วมใจ
|
อรไทจึงตอบวาจา
|
จริงอยู่ที่ว่าข้าเห็นชอบ
|
ต้องระบอบขอบใจเป็นหนักหนา
|
เป็นข้าท่านแล้วแต่ตามเวรา
|
จะแข็งขัดพระบัญชาก็ใช่ที
|
แม้นมิคิดนิดหนึ่งด้วยบิตุราช
|
ถึงจะม้วยชีวาตม์ให้รู้ที่
|
ขัดสนจนใจด้วยข้อนี้
|
จำเป็นแล้วพี่จะจำไป ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
อิเหนา : อิเหนาเข้าห้องนางสการะวาตี (๖๓)
- Title : อิเหนา : อิเหนาเข้าห้องนางสการะวาตี (๖๓)
- Posted by :
- Date : Wednesday, April 16, 2014
- Labels : บทละครรำ, พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย, อิเหนา
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment