Latest News

Wednesday, April 16, 2014

อิเหนา : อิเหนาเข้าห้องนางสการะวาตี (๖๓)

อิเหนาเข้าห้องนางสการะวาตี


     ช้า

     ๏ เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีศรีใส
อยู่ด้วยจินตะหรายาใจ
ที่ในปราสาทแก้วแววฟ้า
คิดถึงนางสการะวาตี
ภูมีจะใคร่ออกไปหา
จึงมีมธุรสพจนา
ตรัสแก่วนิดาลาวัณย์
เจ้าอย่าละห้อยสร้อยเศร้า
เปลี่ยวเปล่าฤทัยโศกศัลย์
วันนี้พี่จะลาจรจรัล*
ออกไปประเสบันอากง ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     ร่าย

     ๏ สั่งเสร็จเข้าที่สระสนาน
สุคนธารประทิ่นกลิ่นส่ง
สอดใส่เครื่องประดับสำหรับองค์
พอเย็นย่ำค่ำลงก็จรลี ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
     ๏ ครั้นถึงจึงเผยม่านทอง
เข้าไปในห้องมารศรี
นั่งลงข้างองค์นางเทวี
ทำเฉยอยู่ดูทีกัลยา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ๏ เมื่อนั้น
นางสการะวาตีเสนหา
บังคมแล้วเลื่อนองค์ลงมา*
กัลยาสะเทินเมินพักตร์ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ชาตรี

     ๏ เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีมีศักดิ์
จึ่งตรัสว่าโฉมยงนงลักษณ์
ช่างผินผันหันพักตร์ไม่ทักทาย
เสียแรงมาหาน้องถึงห้องใน
เพราะจงใจผูกพันมั่นหมาย
เชิญมานั่งบนที่ด้วยพี่ชาย
จะสะเทินเขินอายกันว่าไร
ตรัสพลางอุ้มนางขึ้นแท่นทอง
ค่อยประคองเชยชิดพิสมัย
ตระกองกรเลียมลอดสอดไว้
อรไทผลักพลิกหยิกตี*
อนิจจาโฉมเฉลาเยาวลักษณ์
ก่อนแต่ค้อนควักผลักมือพี่
ไม่เห็นหรือรักเจ้าเท่าชีวี
สาวน้อยถอยหนีพี่ยาไย ฯ*
ฯ ๘ คำ ฯ
     ร่าย

     ๏ เมื่อนั้น
นางสการะวาตีศรีใส
เอียงอายอดสูภูวไนย
ปัดกรค้อนให้แล้วพาที ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ๏ น้อยเอยน้อยจิต
พระทรงฤทธิ์ไม่โปรดเกศี
มาทำเทียมเลียมเล่นเช่นนี้
นี่หรือภูมีว่าเมตตา
แกล้งจะให้ได้ความหม่นหมอง
ขุ่นข้องรำคาญเคืองไปเบื้องหน้า
ต่ำศักดิ์รักตัวกลัวนินทา
ทั้งเป็นเชลยมาแต่เมืองไกล
โปรดเถิดขอประทานอย่าหาญหัก
เช่นนี้หาประจักษ์ว่ารักไม่
แม้นเสด็จคืนหลังยังวังใน
นั่นแหละจะเห็นใจว่าปรานี ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     โลม

     ๏ แสนเอยแสนคม
ลิ้นลมละเมียดเสียดสี
ธรรมเนียมที่ไหนของใครมี
อย่างนี้ว่าทำให้รำคาญ
พี่ทำโดยธรรมดาประสารัก
อนิจจาไม่ประจักษ์ว่าหักหาญ
จะพูดไปไยเล่าไม่เข้าการ
อันคนซื่อนี้นานจะเห็นใจ
ว่าพลางทางถดเข้าชิด*
อิงแอบแนบสนิทพิสมัย
เจ้าจะผลักพี่ยาเสียว่าไร*
น้อยหรือทำได้ไม่เมตตา
ก่นแต่รบเร้าเฝ้าขับ
สู้ตายจะกลับอย่าพักว่า
ถ้าแม้นจะให้พี่ไคลคลา
จงผ่อนผันหันหากันโดยดี ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     ร่าย

     ๏ พระเอยพระโฉมงาม
จะแกล้งให้ได้ความบัดสี
สารพัดตรัสมาทั้งนี้
เห็นดีได้เปรียบข้างภูวไนย
น้องนี้พรั่นจิตคิดเกรงกลัว
ไม่รู้ที่จะไว้ตัวกระไรได้
จะให้หย่อนผ่อนผันตามพระทัย
ก็เกรงภัยความผิดจะติดพัน
จงดำริตริดูเถิดภูมี
น้องทูลโดยดีไม่เดียดฉันท์
เป็นความสัตย์จริงทุกสิ่งอัน
ไม่ประชดประชันฉันทา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     ๏ เจ้าเอยเจ้าพี่
ว่าไยอย่างนี้ขนิษฐา
อันความที่พี่รักกัลยา
ยิ่งกว่าดวงเนตรดวงใจ
จะถนอมเนื้อนวลสงวนน้อง
มิให้เคืองขัดอัชฌาสัย
เมื่อมิเชื่อโฉมตรูคอยดูไป
พี่มิให้เสียสัตย์ซึ่งสัญญา
ถ้าแม้นมีใครหมิ่นถิ่นแคลน
ให้เจ็บใจได้แค้นจึงค่อยว่า
ถึงมาหยารัศมีศรีโสภา
พี่ก็ได้ปรึกษาหารือ
เขาก็ยินยอมพร้อมใจ
เจ้าจะขืนขัดไปจะได้หรือ
ว่าพลางฉวยฉุดยุดยื้อ
น้องรักผลักมือพี่เสียไย ฯ*
ฯ ๘ คำ ฯ
     ร่าย

     ๏ น่าเอยน่าสรวล
พระบัญชาว่าควรแต่ส่วนได้
ทำไมกับจะอ้างข้างนั้นไป
เมื่ออยู่ใต้บาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์
เป็นคนวาสนาน้อยก็พลอยว่า
จะแข็งขัดวัจนาก็กลัวผิด
ปรานีน้องบ้างยั้งหยุดคิด
ใช่จะบิดเบือนไปเมื่อไรมี
ไหนไหนก็ในจะเป็นข้า
อันจะพ้นผ่านฟ้าก็ใช่ที่
มาด่วนทำอะไรไยอย่างนี้
ดังจะสิ้นเดือนปีทิวาวัน ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     โลม

     ๏ ทรามเอยทรามเชย
ไม่เอ็นดูบ้างเลยนางสาวสวรรค์
เมื่อความรักร้อนใจดังไฟกัลป์
จะให้กลั้นให้ทนกลใด*
เจ้าจะห้ามความอื่นไม่ขืนขัด
อันจะห้ามปฏิพัทธ์นี้ไม่ได้
ว่าพลางเชยปรางอรไท
ลูบไล้โลมน้องประคองเคียง
บันดาลอัศจรรย์หวั่นหวาด
กัมปนาทนี่นันต์สนั่นเสียง
อัสนีคะนองก้องสำเนียง
เปรี้ยงเปรี้ยงปลาบแปลบแวบวับ
เมฆหมอกตลบกลบกลุ้ม
มัวมนมืดคลุ้มชอุ่มอับ
บดบังดาวเดือนเพื่อนลับ
เป็นพยุพยับโพยมบน
โกสุมเสาวรสก็สดชื่น
ชุ่มชื้นถูกต้องละอองฝน
สองกษัตริย์เกษมศานต์บานกมล
อยู่บนแท่นทองรูจี ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ โลม
     ร่าย

     ๏ ครั้นพระสุริยารุ่งราง
ส่องสว่างจำรัสรัศมี
พระเชยโฉมโลมลาเทวี
แล้วเสด็จจากที่ห้องใน
มาหยุดยั้งอัฒจันทร์ชั้นชาลา
ดำรัสเรียกอนุชาเข้ามาใกล้
สั่งว่าเจ้าจงพาสองทรามวัย
เข้าไปไหว้จินตะหราเวลานี้
จะได้รู้จักกันไปวันหน้า
พึ่งพาฝากตัวนางโฉมศรี
สั่งเสร็จเสด็จจรลี
ภูมีเข้ายังวังใน ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
     ๏ เมื่อนั้น
สังคามาระตาอัชฌาสัย
ครั้นพระเชษฐาคลาไคล
ก็เข้าไปทูลสองกัลยา
บัดนี้มีรับสั่งให้ไปเฝ้า
โฉมยงนงเยาว์จินตะหรา
พระตรัสซ้ำสั่งน้องถึงสองครา
ให้พาจรจรัลในวันนี้ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     ๏ เมื่อนั้น
ทั้งสองสุดามารศรี
ได้ฟังอนุชาพาที
เทวีแค้นขัดแล้วตรัสไป
แม้นไหว้ระเด่นบุษบา
ก็ดีกว่าหาน้อยใจไม่
ควรที่จะเป็นข้าช่วงใช้
ด้วยเนื่องในสุริย์วงศ์เทวา
นี่วาสนานางแต่อย่างนี้
เป็นเพียงบุตรีท้าวหมันหยา
แม้นอยู่ยังพระนครเหมือนก่อนมา
เห็นหน้าก็จะพอเสมอกัน
ไม่เจ็บช้ำน้ำใจได้เป็นน้อย
ทีนี้คนจะพลอยเย้ยหยัน
อัปยศอดสูแก่พงศ์พันธุ์
จะดูหน้านางนั้นฉันใด
จะเล็กกว่าหรือกระไรก็ไม่แจ้ง
จนอยู่ไม่รู้แห่งที่จะไหว้
สองนางขัดแค้นแน่นฤทัย
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     ๏ บัดนั้น
พระพี่เลี้ยงเล้าโลมนางโฉมฉาย
อย่ากำสรดระทดระทวยกาย
จะอัปยศอดอายแก่ใครมี
อันองค์ระเด่นจินตะหรา
ก็แก่ชันษากว่าสองศรี
คราวเดียวกับระเด่นมนตรี
เทวีมินบนอบไม่ชอบกล
นึกว่าวิบากกรรมเป็นธรรมดา
เหมือนอยู่ใต้ฟ้าจำต้องฝน
แม้นไม่โอนอ่อนผ่อนปรน
ไหนจะพ้นความผิดติดพัน
พระบิดาก็เป็นเมืองขึ้นอยู่
โฉมตรูอย่ารังเกียจเดียดฉันท์
ฉวยพระโกรธาให้ฆ่าฟัน
เมื่อกระนั้นจะทำประการใด ฯ
ฯ ๘ คำ
     ๏ เมื่อนั้น
สองราชบุตรีศรีใส
ฟังสี่พี่เลี้ยงร่วมใจ
อรไทจึงตอบวาจา
จริงอยู่ที่ว่าข้าเห็นชอบ
ต้องระบอบขอบใจเป็นหนักหนา
เป็นข้าท่านแล้วแต่ตามเวรา
จะแข็งขัดพระบัญชาก็ใช่ที
แม้นมิคิดนิดหนึ่งด้วยบิตุราช
ถึงจะม้วยชีวาตม์ให้รู้ที่
ขัดสนจนใจด้วยข้อนี้
จำเป็นแล้วพี่จะจำไป ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ


อิเหนา : อิเหนาเข้าห้องนางสการะวาตี (๖๓)
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top