สุภาษิตเรื่อง
สวิสดิรักษา สุนทรภู่แต่งถวายสมเด็จเจ้าฟ้าอาภรณ์พระเจ้าลูกยาเธอ
ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ทรงมอบพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นี้ ให้เป็นศิษย์ศึกษาอักษรสมัยในสำนักสุนทรภู่
สันนิษฐานว่า แต่งขึ้นเมื่อปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๓๖๔ ถึงปี พ.ศ. ๒๓๖๗
๏ สุนทรทำคำสวัสดิรักษา
|
||
ถวายพระหน่อบพิตรอิศรา
|
ตามพระบาลีเฉลิมให้เพิ่มพูน
|
|
เป็นของคู่ผู้มีมีอิสริยยศ
|
จะปรากฏเกิดลาภไม่สาบสูญ
|
|
สืบอายุสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร
|
ให้เพิ่มพูนภิญโญเดโชชัย
|
|
อย่าลืมหลงจงอุตส่าห์รักษาสิริ
|
ตามคติโบราณท่านขานไข
|
|
ว่าเช้าตรู่สุริโยอโณทัย
|
ตื่นนอนให้ห้ามโมโหอย่าโกรธา
|
|
ผินพักตร์สู่บูรพ์ทิศแลทักษิณ
|
เสกวารินด้วยพระธรรมคาถา
|
|
ที่นับถือคือพระไตรสรณา
|
ถ้วนสามคราจึงชำระสระพระพักตร์
|
|
แล้วเอื้อนอรรถตรัสความที่ดีก่อน
|
จะถาวรพูนเกิดประเสริฐศักดิ์
|
|
ด้วยราศีที่ชะลอนรลักษณ์
|
อยู่พระพักตร์แต่ทิวาเวลากาล
|
|
ยามกลางวันนั้นว่าพระราศี
|
สถิตที่วรองค์ให้สรงสนาน
|
|
พระอุระประสุคนธ์วิมลมาลย์
|
จะสำราญโรคาไม่ราคี
|
|
ครั้นพลบค่ำคล้ำฟ้าสุธาวาส
|
ฝ่ายเบื้องบาทซ้ายขวาเป็นราศี
|
|
จงรดน้ำชำระซึ่งราคี
|
ห้ามสตรีอย่าให้พาดบาทยุคล
|
|
เสวยนั้นผันพระพักตร์ไปบูรพ์ทิศ
|
เจริญฤทธิ์ชันษาสถาผล
|
|
แม้นผินพักตร์ทักษิณถิ่นมณฑล
|
ไม่ขาดคนรักใคร่เวียนไปมา
|
|
ทิศประจิมอิ่มเอมเกษมสุข
|
บรรเท่าทุกข์ปรากฏด้วยยศถา
|
|
แต่ทิศเหนือเหลือร้ายวายชีวา
|
ทั้งชันษาทรุดน้อยถอยทุกปี ฯ
|
|
๏ อนึ่งนั่งบังคนอย่ายลต่ำ
|
อย่าบ้วนน้ำลายพาเสียราศี
|
|
ผินพักตร์สู่อุดรประจิมดี
|
ไม่ต้องผีคุณไสยพ้นภัยพาล
|
|
แล้วสรงน้ำชำระพระนลาฏ
|
จึงผุดผาดผิวพรรณในสัณฐาน
|
|
เสด็จไหนให้สรงชลธาร
|
เป็นฤกษ์พารลูบไล้แล้วไคลคลา ฯ
|
|
๏ อนึ่งพระองค์ทรงเจริญเพลินถนอม
|
อย่าให้หม่อมห้ามหลับทับหัตถา
|
|
ภิรมย์รสอตส่าห์สรงพระคงคา
|
เจริญราศีสวัสดิ์ขจัดภัย ฯ
|
|
๏ อนึ่งวันชำระสระพระเกล้า
|
อังคารเสาร์สิ้นวิบัติปัดไถม
|
|
ตัดเล็บวันพุธจันทร์กันจังไร
|
เรียนสิ่งใดวันพฤหัสสวัสดี ฯ
|
|
๏ อนึ่งภูษาผ้าทรงณรงค์รา
|
ให้มีครบเครื่องเสร็จทั้งเจ็ดสี
|
|
วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี
|
เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล
|
|
เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว
|
จะยืนยาวชันษาสถาผล
|
|
อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน
|
เป็นมงคลขัตติยาเข้าราวี
|
|
เครื่องวันพุธสุดดีด้วยสีแสด
|
กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี
|
|
วันพฤหัสจัดเครื่องเขียวเหลืองดี
|
วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม
|
|
วันเสาร์ทรงดำจึงล้ำเลิศ
|
แสนประเสริฐเสี้ยนศึกจะนึกขาม
|
|
หนึ่งพาชีขี่ขับประดับงาม
|
ให้ต้องตามสีสันจึงกันภัย ฯ
|
|
๏ อนึ่งว่าถ้าจะลงสรงสนาน
|
ทุกห้วยธารเถื่อนถ้ำแลน้ำไหล
|
|
พระพักตร์นั้นผันล่องตามคลองไป
|
ห้ามมิให้ถ่ายอุจจาร์ปัสสาวะ
|
|
อย่าผินหน้าฝ่าฝืนขึ้นเหนือน้ำ
|
จะต้องรำเพรำพัดซัดมาปะ
|
|
เมื่อสรงน้ำสำเร็จเสร็จธุระ
|
คำนับพระคงคาเป็นอาจิณ ฯ
|
|
๏ อนึ่งวิชาอาคมถมถนำ
|
เวลาค่ำควรคิดเป็นนิจศีล
|
|
จึงศักดิ์สิทธิ์ฤทธิรณพ้นไพริน
|
ให้เพิ่มภิญโญยศปรากฏไป ฯ
|
|
๏ อนึ่งสุนัขมักเฝ้าแต่เห่าหอน
|
อย่าขู่ค่อนด่าว่าอัชฌาสัย
|
|
เสียสง่าราศีมักมีภัย
|
คนมิได้ยำเยงเกรงวาจา
|
|
อนึ่งเขฬะอย่าถ่มเมื่อลมพัด
|
ไปถูกสัตว์เสื่อมมนต์ดลคาถา
|
|
อนึ่งพบปะพระสงฆ์ทรงศีลา
|
ไม่วันทาถอยถดทั้งยศทรัพย์
|
|
อนึ่งอย่าว่าแดดแลลมฝน
|
อย่ากังวลเร่งวันให้พลันดับ
|
|
เมื่อเช้าตรู่สุริยงจะลงลับ
|
จงคำนับสุริยันพระจันทร
|
|
อนึ่งเล่าเข้าที่ศรีไสยาสน์
|
อย่าประมาทหมั่นคำนับลงกับหมอน
|
|
เป็นนิรันดร์สรรเสริญเจริญพร
|
คุณบิดรมารดาคุณอาจารย์ ฯ
|
|
๏ อนึ่งผ้าทรงจงนุ่งเหน็บข้างขวา
|
กันเขี้ยวงาจระเข้เดรัจฉาน
|
|
อนึ่งอย่าไปใต้ช่องคลองตะพาน
|
อย่าลอดร้านฟักแฟงแรงราคี
|
|
ทั้งไม้ลำค้ำเรือนแลเขื่อนคอก
|
ใครลอดออกอัปลักษณ์เสียศักดิ์ศรี
|
|
ถึงฤทธิ์เดชเวทมนตร์ดลจะดี
|
ตัวอัปรีย์แปรกลับให้อัปรา
|
|
อนึ่งไปไหนได้พบอสภซาก
|
อย่าออกปากทักทายร้ายนักหนา
|
|
ให้สรงน้ำชำระพระพักตรา
|
ตามตำราแก้กันอันตราย ฯ
|
|
๏ อนึ่งเครื่องผูกลูกสะกดตระกรุดคาด
|
เข้าไสยาสน์ยามหลับทับฉลาย
|
|
เครื่องอาวุธสุดห้ามอย่าข้ามกราย
|
อย่านอนซ้ายสตรีมักมีภัย
|
|
อนึ่งวันจันทร์คราสตรุษสารทสูรย์
|
วันเพ็ญบูรณ์พรรษาอัชฌาสัย
|
|
ทั้งวันเกิดเริดร้างให้ห่างไกล
|
ห้ามมิให้เสนหาถอยอายุ
|
|
แม้นสตรีมีระดูอย่าอยู่ด้วย
|
ถ้ามิม้วยก็มักเสียจักขุ
|
|
มักเกิดมีฝีพองเป็นหนองพุ
|
ควรทำนุบำรุงองค์ให้จงดี ฯ
|
|
๏ อนึ่งนั้นวันกำเนิดเกิดสวัสดิ์
|
อย่าฆ่าสัตว์เสียสง่าทั้งราศี
|
|
อายุน้อยถอยเลื่อนทุกเดือนปี
|
แล้วมักมีทุกข์โศกโรคโรคา
|
|
อนึ่งบรรทมถ้าลมคล่องทั้งสองฝ่าย
|
พระบาทซ้ายอย่าพาดพระบาทขวา
|
|
ข้างขวาคล่องต้องกลับทับซ้ายมา
|
เป็นมหามงคลเลิศประเสริฐนัก
|
|
อนึ่งว่าถ้าจะจรแลนอนนั่ง
|
สำเนียงดังโผงเผาะเกาะกุกกัก
|
|
คือคุณผีปิศาจอุบาทว์ยักษ์
|
ใครทายทักถูกฤทธิ์วิทยา ฯ
|
|
๏ ขอพระองค์จงจำไว้สำเหนียก
|
ดังนี้เรียกเรื่องสวัสดิรักษา
|
|
สำหรับองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา
|
ให้ผ่องผาสุกสวัสดิ์ขจัดภัย
|
|
บทโบราณท่านทำเป็นคำฉันท์
|
แต่คนนั้นมิใคร่แจ้งแถลงไข
|
|
จึงกล่าวกลับซับซ้อนเป็นกลอนไว้
|
หวังจะให้เจนจำได้ชำนาญ
|
|
สนองคุณมุลิกาสามิภักดิ์
|
ให้สูงศักดิ์สืบสมบัติพัสถาน
|
|
แม้นผิดเพี้ยนเปลี่ยนเรื่องเบื้องโบราณ
|
ขอประทานอภัยโทษได้โปรดเอย ฯ
|
|
ขอบพระคุณ :
http://www.reurnthai.com/wiki/สวัสดิรักษา
http://th.wikipedia.org/wiki/สวัสดิรักษา
|
||
=============================================================
ผลงานอื่นๆของสุนทรภู่ใน
“โคลงกลอน”
นิราศ
· นิราศเมืองแกลง (พ.ศ. 2349) - แต่งเมื่อหลังพ้นโทษจากคุก
และเดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง
· นิราศพระบาท (พ.ศ. 2350) -
แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง
และต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา
· นิราศภูเขาทอง (ประมาณ พ.ศ. 2371) -
แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่ง
ไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดอยุธยา
· นิราศสุพรรณ (ประมาณ พ.ศ. 2374) -
แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะที่จังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลง
· นิราศวัดเจ้าฟ้า (ประมาณ พ.ศ. 2375) -
แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะตามลายแทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ
(ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา
· นิราศอิเหนา (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 3) -
แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารำพันถึงนางบุษบา
· รำพันพิลาป (พ.ศ. 2385) -
แต่งเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝันร้ายว่าชะตาขาด
จึงบันทึกความฝันพร้อมรำพันความอาภัพของตัวไว้เป็น "รำพันพิลาป"
จากนั้นจึงลาสิกขาบท
· นิราศพระประธม (พ.ศ. 2385) -
เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาบทและเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือพระปฐมเจดีย์) ที่เมืองนครชัยศรี
· นิราศเมืองเพชร (พ.ศ. 2388) -
แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง
นิราศเรื่องนี้มีฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง อ.ล้อม เพ็งแก้ว เชื่อว่า
บรรพบุรุษฝ่ายมารดาของสุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชรบุรี
สุภาษิต
· สวัสดิรักษา :
คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์
· เพลงยาวถวายโอวาท :
คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3
ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว
· สุภาษิตสอนหญิง :
เป็นหนึ่งในผลงานซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า สุนทรภู่เป็นผู้ประพันธ์จริงหรือไม่
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment