Latest News

Saturday, May 25, 2013

อิเหนา : อิเหนาขึ้นหานางจินตะหรา (๕๕)



อิเหนาขึ้นหานางจินตะหรา


     ๏ บัดนั้น
พระพี่เลี้ยงแลกำนัลสาวศรี
ชำเลืองแลดูพระภูมี
สังกัดกันอัญชลีแล้วออกไป ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ๏ เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีศรีใส
เห็นพี่เลี้ยงกัลยาคลาไคล
ก็แฝงเงาเข้าในที่ไสยา ฯ*
ฯ ๒ คำ ฯ
     ๏ เมื่อนั้น
โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา
เหลือบเห็นอิเหนาเข้ามา
ให้ตระหนกตกประหม่าไม่พาที
ครั้นพระเสด็จนั่งยังแท่นแก้ว
นางบังคมแล้วก็ถอยหนี
แอบองค์ลงข้างแท่นมณี
มารศรีเมียงม่อยพักตรา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ

     ชาตรี

     ๏ เมื่อนั้น
พระสุริย์วงศ์เทวัญหรรษา
ยิ้มพลางชายเนตรดูกัลยา
พลางมีวาจาตรัสไป
เชิญเจ้าขึ้นมาบนแท่นนี้
เป็นเพื่อนที่พูดจาปราศรัย
แขกมาหาน้องถึงห้องใน
น้อยหรือนิ่งได้ไม่ทักทาย
เสียแรงพี่จงจิตพิศวาส
เป็นนิจไม่ขาดที่มาดหมาย
ถึงชีวันบรรลัยไม่เสียดาย
สู้ตายจะอยู่เป็นคู่เคล้า
ว่าแล้วลดองค์ลงนั่งใกล้
ลูบไล้เลียมโลมโฉมเฉลา
ถอยหนีพี่ไยนะนงเยาว์
พระเพลาทับเพลานางไว้
จงผินมาพาทีด้วยพี่บ้าง
จะสะเทินเหินห่างไปข้างไหน
พระกุมกรกัลยาคลาไคล
ขึ้นไปบนที่แท่นทอง
นั่งแอบแนบนางพลางตรัส
เจ้าเคืองขัดพี่ไยมิให้ต้อง
ความรักอุตส่าห์มาหาน้อง
นวลละอองจงได้ปรานี ฯ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
     ร่าย

     ๏ เมื่อนั้น
ระเด่นจินตะหรามารศรี
ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่พาที
ผินผันหันหนีพี่ยา
หยิกข่วนผลักไสมิให้ต้อง
สะบิ้งสะบัดปัดป้องหัตถา
ชายเนตรค้อนสบหลบนัยนา
กัลยาขวยเขินสะเทินใจ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     โลม

     ๏ น้องเอยน้องรัก
นวลละอองผ่องพักตร์เพียงแขไข
งามองค์ทรงลักษณ์วิไล
ทิศไหนสารพันเป็นขวัญตา
พี่หวังจะฝังฝากไมตรีจิต
รักร่วมสนิทเสนหา
ควรหรือดวงฤทัยไม่เมตตา*
แต่จะตอบวาจาก็ไม่มี
ช่างผินผันหันหลังไม่แลดู
โฉมตรูขัดใจสิ่งไรพี่*
เชิญชม้ายชายตามาข้างนี้
จะสะบัดเบือนหนีพี่ยาไย*
จะเล่าให้เจ้าฟังแต่หลังมา
พี่ทุกข์แทบเลือดตาจะหลั่งไหล
เพราะหวังชมสมสวาททรามวัย
สู้เอาชีวาลัยมาแลกรัก
ควรหรือไม่เยื้อนช่างเชือนเฉย
ไม่เห็นเลยพี่วิตกเพียงอกหัก
อุ่ยหน่าอย่าข่วนพี่ยานัก
เสียดายเล็บน้องรักจะหักไป
ถึงเจ้าจะเอากริชที่พี่เหน็บ
แทงเข้าจักเจ็บก็หาไม่
ด้วยความรักร้อนรึงตรึงใจ
ดั่งไฟกองกลุ้มสุมกาย ฯ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
     ร่าย

     ๏ เมื่อนั้น
จินตะหราวาตีโฉมฉาย*
ก้มพักตร์หมอบเมียงเอียงอาย
พลางภิปรายตอบรสพจนา
อนิจาน่าน้อยใจนัก
ทำข่มเหงหาญหักเป็นหนักหนา
อาจอุกรุกรานเข้ามา
แล้วทำหยาบช้าให้ช้ำใจ
ไม่คิดเอ็นดูแก่ผู้ยาก
เห็นว่าน้ำท่วมปากแล้วทำได้
แม้นพระบิตุเรศรู้ไป
จะพลอยได้ความผิดติดพัน ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     โลม

     ๏ ทรามเอยทรามสงวน
ไม่ควรจะขึ้งเคียดเดียดฉันท์
พี่กล่าวโดยจริงทุกสิ่งอัน
อย่าหมองหมางอย่างนั้นนะเทวี*
ซึ่งรุกรานหาญหักเข้ามา
ก็เพราะแสนเสนหามารศรี
ถึงบิตุเรศมารดาของนารี
ก็ย่อมทราบคดีอยู่เต็มใจ
พี่ก็ได้วอนว่าตุนาหงัน
สองประหมันอนุญาตยอมให้
จะเกรงผิดติดพันด้วยอันใด
ใช่ลอบลักรักใคร่เป็นใจกัน
วาสนาสองราเราเคยคู่
โฉมตรูอย่ารังเกียจเดียดฉันท์
จะสงวนชวนชื่นทุกคืนวัน
มิให้ขวัญเนตรน้องข้องเคืองใจ ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     ๏ น่าเอยน่าสรวล
ถ้อยคำสำนวนช่างแก้ไข
ว่าสองพระองค์ปลงฤทัย
นี่ได้ที่ไหนมาเจรจา
ธรรมดาน้อยหน้าก็เจียมตัว
เห็นมีบุญก็กลัววาสนา
ไม่หมายมาดอาจเอื้อมถึงดอกฟ้า
พระอย่าควรคิดให้ผิดที่
ซึ่งว่ารักนักยอมมักหน่าย
จะเชื่อลิ้นลมชายก็ใช่ที่*
อย่าพักลวงโลมแล่นให้เห็นดี
เต็มที่จะรักสักกี่วัน
อันหนึ่งนางบุษบาบังอร
ภูธรก็ได้ตุนาหงัน
สมศักดิ์สมตระกูลเสมอกัน
เป็นสุริย์วงศ์เทวัญทั้งสองรา
อันต่ำช้าบรรดาศักดิ์เหมือนน้องนี้
ไม่ควรที่จะสนิทเสนหา
แม้นสองกษัตริย์ทราบกิจจา
ผ่านฟ้าจะเคืองขุ่นฟุนไฟ
น้องจะได้อัปยศอดสู
จะแลดูหน้าคนกระไรได้
จงดำริดูเถิดพระภูวไนย
มิใช่จะเกียดกันด้วยฉันทา ฯ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
     โลม

     ๏ แสนเอยแสนเฉลียว
ช่างเลี่ยงเลี้ยวแหลมหลักหนักหนา
รักเจ้าเท่าดวงชีวา
เมื่อไม่เชื่อวาจาก็จำจน
เสียแรงที่พยายามด้วยความยาก
สู้ลำบากบุกป่าพณาสณฑ์
มิได้คิดแก่ชีวิตจะวายชนม์
หวังจะได้นฤมลมายาใจ
พี่ทั้งใจสุจริตจิตจง
ว่าจะเลี้ยงโฉมยงให้เป็นใหญ่
แม้นมิสมดังจิตที่คิดไว้
อันนางอื่นพี่ไม่ไยดี
ถึงศรีปัตหราจะกริ้วโกรธ
ลงโทษก็จะรับใส่เกศี
จะอยู่เชยสมสู่ด้วยเทวี
อันดาหาธานีพี่ไม่ไป
ข้อซึ่งต่ำช้าบรรดาศักดิ์
น้องรักอย่างว่าหาควรไม่
อันนางบุษบายาใจ
ก็ได้เป็นน้องของพี่ยา
ถึงตัวของเจ้าก็เป็นน้อง
ทั้งสองจะกระไรกันหนักหนา
เขารู้อยู่สิ้นทั้งโลกา
ใครจะอาจเอื้อมว่านินทาเรา
ว่าพลางพระทางจุมพิต
อิงแอบแนบสนิทโฉมเฉลา
ถึงจะหยิกจะข่วนก็ทำเนา
แต่นงเยาว์อย่าสลัดตัดไมตรี ฯ
ฯ ๑๔ คำ ฯ
     ร่าย

     ๏ พระเอยพระโฉมยง
พระจงโปรดเกล้าเกศี
อะไรก่นหยักเย้าเซ้าซี้
กระนี้หรือเรียกว่าเมตตา
น้องยังไม่เห็นที่ความรัก
ด้วยพระทำหาญหักหนักหนา
เจ็บจิตเป็นพ้นคณนา
เหตุว่ามีบุญไม่เกรงใคร
พระองค์สิเป็นวงศ์เทวราช
ใครจะอาจติฉินนินทาได้*
ที่บุญน้อยคนก็คอยจะไยไพ
ผู้ไปถึงไหนน่าอัประมาณ
เขาจะว่าต่ำศักดิ์สิรักดี
คบหาสามีของท่าน
จะได้ความเจ็บช้ำรำคาญ
พวงพงศ์วงศ์วานขะพลอยอาย ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     โลม

     ๏ ดวงเอยดวงสมร
ฟังคำก่อนนะโฉมฉาย
ใครจะล่วงนินทาว่าร้าย
ให้ระคายเคืองขัดอัชฌา
ก็ย่อมรู้อยู่กับใจด้วยกัน
ทั้งชาวกุเรปันแลหมันหยา
ว่าพี่แสนพิศวาสวนิดา
พยายามตามมาถึงธานี
อันความอัปยศอดสู
ชอบแต่จะอยู่กับตัวพี่
จะอาวรณ์ร้อนใจไปไยมี
ไม่พอที่จะรับอัประมาณ
ว่าพลางทางเลียมลอดสอดเคล้า
สัพยอกหยอกเย้าเกษมศานต์
ปรานีพี่บ้างเถิดนงคราญ
อย่ารอนราญเสนหาอาลัย ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     ร่าย

     ๏ ผ่านเอยผ่านฟ้า
มารัดรึงตรึงตราไม่ปราศรัย
ยิ่งห้ามยิ่งลามลวนไป
เป็นใจของใครจะไม่แค้น
ช่างพูดจาเพราะพร้อมไม่ข้องขัด
แต่หยาบช้าสาหัสเป็นเหลือแสน
แกล้งจะให้คนหมิ่นถิ่นแคลน
มาตรแม้นว่าพระจะเมตตา
สุดแต่น้องห้ามก็ตามคำ
นี่สิทำข่มเหงไม่เกรงหน้า
นางผันพักตร์ผลักไสไปมา
แกมกลมารยาหยิกตี ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     ๏ ดวงเอยดวงยิหวา
อุ่ยหน่าอย่าหักมือพี่
รักนางจึงทำอย่างนี้
มารศรีควรหรือมาถือใจ
ก่นแต่โกรธขึ้งขึงขัด
จะสะบิ้งสะบัดไปถึงไหน
เมื่อได้แนบเนื้อแนมใน
จงหยุดยั้งชั่งใจกัลยา
ไม่เห็นทุกข์ที่วิตกเพียงอกหัก
แสนรักสุดรักนี้หนักหนา
แต่ร้อนรุมกลุ้มกลัดอยู่อัตรา
พึ่งพบทิพสุธายาใจ
แม้นมิสมดังจิตที่คิดปอง
จะออกจากห้องทองนั้นหาไม่
ว่าพลางอุ้มองค์อรไท
ขึ้นไว้เหนือตักสะพักชม
อิงแอบแนบชิดเชยพักตร์
แรกรักร่วมห้องสองสม
กรสอดกอดเกี่ยวเกลียวกลม
ประคองเคียงบรรทมประทับกาย
อัศจรรย์บันดาลไหวหวาด
อัสนีกัมปนาทคะนองสาย
เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่นลั่นแลบพราย
พระพิรุณโปรยปรายอายละออง
ผกาแก้วโกสุมปทุมมาลย์
ก็แบ่งบานรับแสงสูรย์ส่อง
แมลงภู่ผึ้งภุมรินทอง
ร่อนร้องเชยรสสุมาลี
สองกษัตริย์เกษมสันต์หรรษา
ดังได้ผ่านเมืองฟ้าราศี
สมหวังดังถวิลยินดี
อยู่ในแผ่นที่ไสยา ฯ
ฯ ๑๖ คำ ฯ กล่อม
     ร่าย

     ๏ บัดนั้น
พี่เลี้ยงนางกำนัลพร้อมหน้า
นั่งปรับทุกข์กันจำนรรจา
ร้อนตัวกลัวอาญาเป็นสุดคิด
จะนิ่งเสียฉะนี้ก็มิได้
สองกษัตริย์ทราบไปจะได้ผิด
ควันไฟใครห่อนจะปิดมิด
ครั้นคิดกันแล้วก็ขึ้นมา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top