นางมาหยารัศมีนางสะการะวาตีขึ้นเฝ้าอิเหนา
|
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
สองราชบุตรีศรีใส
|
สุดคิดที่จะบิดเบือนไป
|
อรไทก้มหน้าไม่พาที
|
พี่เลี้ยงโลมเล้าเฝ้าวอนว่า
|
จึ่งลีลาออกไปจากในที่
|
มาสระสรงคงคาวารี
|
ขัดสีพระกายกรายกรีดนิ้ว ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
ชมตลาด
|
|
๏ ลูบไล้สุคนธ์ปนทอง
|
ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว
|
ทรงน้ำมันกันไรไปล่ปลิว
|
วาดคิ้ววงค้อมพร้อมเพราคม
|
พี่นางนุ่งเข้มขาบเขียวตอง
|
ห่มตาดทองปักปีกแมงทับถม
|
พระน้องนุ่งยกแย่งเทพประนม
|
ทรงห่มริ้วทองรอบซับ
|
สร้อยนวมสวมใส่พระอังสา
|
ตาบจินดาดวงมณีสีสลับ
|
สะอิ้งสายสังวาลบานพับ
|
ทองกรแก้วแวววับประดับเพชร
|
ธำมรงค์เรือนรูปนาคี
|
ทรงมงกุฎพระบุตรีตรัสเตร็ด
|
สะพังพวงควงหันกัลเม็ด
|
แล้วเสด็จย่างเยื้องจรจรัล ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
ร่าย
|
|
๏ ลงจากที่ประทับพลับพลา
|
พร้อมกำนัลกัลยาสาวสวรรค์
|
ต่างเชิญเครื่องอานพานสุวรรณ
|
กั้นกลดคันสั้นเสด็จไป ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
|
๏ ครั้นมาใกล้พลับพลาปันหยี
|
สองศรีหยุดอยู่ไม่ไปได้
|
ให้ประหวั่นครั่นคร้ามขามใจ
|
หฤทัยระทึกไปมา ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
พระพี่เลี้ยงทั้งสองเสนหา
|
จึ่งปลอบสองราชธิดา
|
แม่อย่าประหวั่นพรั่นใจ
|
จะสะเทินเหินห่างอยู่อย่างนี้
|
พระภูมีจะดำริติได้
|
อุยหน่ามาตีเอาพี่ไย
|
ว่าพลางผลักไสให้จรลี ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ทั้งสองสุดามารศรี
|
ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่พาที
|
เทวีจำใจจรจรัล
|
องค์อ่อนระทวยขวยเขิน
|
ทั้งสะเทินทั้งอายค่อยผายผัน*
|
ถึงพลับพลาหน้าที่นั่งทรงธรรม์
|
ก็ทรุดองค์อภิวันท์อัญชลี ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี
|
เห็นโฉมสองราชบุตรี
|
ภูมีนึกในไปมา
|
อันนางซึ่งนั่งข้างหลังนั้น
|
ผิวพรรณผุดผ่องดังเลขา
|
จะเป็นพี่สังคามาระตา
|
นรลักษณ์พักตราก็คล้ายกัน*
|
ดูพลางเพลินจิตพิศวง
|
ด้วยรูปทรงทั้งสองสาวสวรรค์
|
จึงยิ้มเยื้อนปราศรัยไปพลัน
|
เชิญมาบนสุวรรณพลับพลาชัย ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
สองราชบุตรีศรีใส
|
ฟังรสพจนารถภูวไนย
|
ยิ่งสะเทินเขินฤทัยบังอร
|
ต่างองค์ต่างอายไม่ผายผัน
|
พลางผลักไสฉันให้ไปก่อน
|
ต่อตรัสเรียกหลายคำจึงจำจร
|
ขึ้นไปชลีกรแล้วก้มพักตร์ ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์มิสาระปันหยีมีศักดิ์
|
เห็นสองทรามวัยวิไลลักษณ์
|
บังคมก้มพักตร์ไม่พาที
|
พระจึงตรัสโลมเล้าเอาใจ
|
ปราศรัยสองสุดามารศรี
|
เจ้าเคยแต่อยู่ในบุรี
|
ไม่เหมือนที่แว่นแคว้นแดนดง
|
จะได้ชมถ้ำธารสำราญใจ
|
ทั้งมิ่งไม้หมู่นกวิหคหงส์
|
พลางเรียกอนุชาโฉมยง
|
เจ้าจงยกพานสลามา
|
เอาไปสู่ที่นางทั้งสองศรี
|
ให้เสวยตามมีของชาวป่า
|
แล้วตรัสสั่งพี่เลี้ยงกัลยา
|
จงพาสองระเด่นไปเล่นธาร ฯ*
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ทั้งสองอนงค์ยอดสงสาร
|
จึงถวายบังคมก้มกราน
|
เยาวมาลย์ก็กลับไปพลับพลา ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
ช้า
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
|
แลตามทรามวัยจนลับตา
|
เสนหาพูนเพิ่มพันทวี*
|
คิดจะใคร่ภิรมย์สมสวาท
|
ด้วยสองราชธิดามารศรี
|
กลัวเกลือกจินตะหราวาตี
|
จะว่ามีชู้เมียสิเสียการ
|
จำเป็นจะเงือดงดสะกดใจ
|
อุตส่าห์อดส้มไว้กินหวาน
|
อย่าให้เคืองขุ่นข้องหมองพ้องพาน
|
แต่คิดอ่านครวญใครไปมา ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
ร่าย
|
|
๏ ครั้นราตรีเข้าที่ไสยาสน์
|
ถวิลถึงนุชนาฏขนิษฐา
|
จึงตรัสเรียกสังคามาระตา
|
เข้ามาบรรทมชมชิด ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
ชมโฉม
|
|
๏ พิศดูรูปทรงส่งศรี
|
เหมือนมาหยารัศมีไม่เพี้ยนผิด
|
พระเชยปรางพลางอุ้มขึ้นจุมพิต
|
ฤทัยคิดสำคัญว่ากัลยา
|
เอวองค์อรชรอ้อนแอ้น
|
เหมือนแม้นที่นางเป็นหนักหนา
|
พิศทรงขนงเนตรอนุชา
|
ละม้ายเหมือนนัยนานางเทวี
|
ชมพลางพิศวงหลงโลม
|
นึกว่าโฉมมาหยารัศมี
|
สัพยอกแย้มสรวลชวนพาที
|
จนเข้าที่บรรทมหลับไป ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
|
๏ ดาวเดือนเลื่อนลับเมฆา
|
สุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
|
พระตื่นจากที่บรรทมใน
|
ลีลาคลาไคลไปสรงชล
|
สำอางองค์ทรงเครื่องสรรพเสร็จ
|
แล้วเสด็จไปทรงม้าต้น
|
พรั่งพร้อมเสนาสามนต์
|
ให้ยกพลโยธาพลากร ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment