Latest News

Friday, January 18, 2013

อิเหนา : ระตูทั้งสองทำศพระตูบุศสิหนา (๔๓)



ระตูทั้งสองทำศพระตูบุศสิหนา*


     บัดนั้น
เสนีสี่นายก็หรรษา
ออกจากที่ประทับพลับพลา
มาขึ้นม้าพาพลกลับไป ฯ*
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า
ต่างคนก้มเกล้าบังคมไหว้
ทูลสองระตูภูวไนย
ให้ทราบพระทัยทุกประการ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ทั้งสองกษัตริย์ได้ฟังสาร
ค่อยคลายวายทุกข์รำคาญ
จึงบรรหารตรัสสั่งเสนี
อันศพอนุชาผู้ร่วมจิต
เราจะฌาปนกิจเสียที่นี่
จงกะเกณฑ์รี้พลมนตรี
เร่งถางที่ทำเมรุริมบรรพต
ท่านคิดทำให้งามตามของป่า
เบญจาจงประดับดอกไม้สด
สืบไปจะได้เป็นเกียรติยศ
สั่งกำหนดให้เสร็จในสองวัน ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
 
     บัดนั้น
อำมาตย์รับสั่งแล้วผายผัน
ออกมาเร่งรัดจัดกัน
แบ่งพวกพลขันธ์ตามบัญชี
การพระเมรุเกณฑ์สี่ตำรวจใน
จ่ายไพร่ทั้งสองกรุงศรี
มูลนายหลายกรมที่สมมี*
เกณฑ์หน้าที่สามส้างทุกเสนา
นายงานทหารในระดับกัน
ทำพระโกศด้วยฉันทน์กฤษณา
พวกช่างทั้งปวงบรรดามา
ให้ประดับเบญจาด้วยดอกไม้
เลือกเหล่ากิดาหยันมาช่วยร้อย
ถ้าเห็นน้อยเติมเหล่าขอเฝ้าให้*
กองนอกกับพรานชำนาญไพร
จงเที่ยวไปเก็บบุหงาสารพัน
อันพลบุศสิหนานั้นเกณฑ์ด้วย
ใครแหล่หลอนผ่อนช่วยเข้าที่นั่น
กองไหนแชเชือนตักเตือนกัน
ในสองวันให้เสร็จอย่านอนใจ ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     บัดนั้น
นายมูลขุนหมื่นน้อยใหญ่*
ที่เกียจคร้านการงานก็บ่นไป
แกล้งเกณฑ์หน้าที่ให้เต็มประดา
บ้างคุมไพร่เร่งรัดไปตัดเสา
เลือกล้วนเปลาเปลาที่ในป่า
ล้มลงทอนตัดแล้ววัดวา
ประจบตากล่อมเกลาเท่ากัน
บ้างใส่สาลี่ลากกระชากฉุด
อุตลุดอึงไปในไพรสัณฑ์
บ้างดัดไม้ไผ่ป่าเอาพร้าฟัน
เสียงสนั่นก้องพงดงดาล
เหล่าพวกเก็บดอกไม้ก็ไปหา
พบบุปผาขึ้นหักกิ่งก้าน
บ้างสอดสอยผลพวงดวงมาลย์
ทั้งตูมบานแก่อ่อนผ่อนส่งนาย ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ
     บัดนั้น
จึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย
ต่างมาจับฉลากมากมาย
วุ่นวายอลหม่านเป็นการรุม
เสนีสี่ตำรวจนายด้านเมรุ
ก็กะเกณฑ์อุตลุดขุดหลุม
ชักระดับได้ที่ทั้งสี่มุม
ผู้คนเกลื่อนกลุ้มรุมกัน
ยกเสาขึ้นทั้งทั้งสี่ต้น
ต่างติดเครื่องบนขมีขมัน
พนักงานหอสวดสามข้างนั้น
ก็ยกขึ้นพร้อมกันทันที
บ้างดาดผนังหลังคาผ้าขาว
เพดานดาวดอกไม้สลับสี
หุ้มเสาด้วยผ้าแดงโมรี
เอาม่านที่พลับพลามากั้นกาง
กองพระเบญจามาประดับ
ซ้อนสลับแม่ลายหลายอย่าง
บ้างลอกพลับพลึงกรึงพื้นพลาง
เลือกบุปผาต่างต่างเป็นตัวซ้อน
บ้างร้อยราชวดฉัตรชั้น
พื้นพรรณบุปผชาติเกสร
บ้างประดับศาลาเป็นจามร
รบรอนติดกระจังบัลลังก์ลด*
บุษบกยกคนเข้ารุมกัน
เห็นเหลือมือไม่ทันการกำหนด
คิดแบ่งเบาเอาบุษบกรถ
มาแต่งตั้งตามยศกษัตรา
เครื่องสูงถ้าชั้นกั้นกาง
ตั้งหว่างชุมสายซ้ายขวา
จัดแจงแต่งตามพระบัญชา
ไม่ช้าแล้วเสร็จทุกสิ่งอัน ฯ
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
     เมื่อนั้น
สองกษัตริย์กำสรดโศกศัลย์
เนาในพลับพลาพนาวัน
ครั้นรุ่งแสงสุริยันต์ตรัสไตร
จึงเข้าที่ชำระสระสรง
จะแต่งองค์ทรงเครื่องก็หาไม่
มาขึ้นรถสุวรรณทันใด
รีบไปยังศพอนุชา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
     เลี้ยวเหลี่ยมภูผาปะราปี
เห็นโยธีตายกลาดอยู่นักหนา
ให้แสนสังเวชวิญญาณ์
ชลนาไหลหลั่งถั่งลง
เหลือบเห็นอนุชาสิ้นชีวี
นอนเหนือปัถพีธุลีผง
สลดจิตดังชีวิตจะปลดปลง*
ต่างทรงโศกาจาบัลย์ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
     ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกเศร้า
ซึ่งสั่งเหล่าเสนีขมีขมัน
ให้เชิญศพองค์พระน้องนั้น
ใส่ในโกศจันทน์ทันใด
แล้วรับขึ้นราชรถทอง
ประโคมก้องหิมวาป่าใหญ่
แห่แหนดาษดาคลาไคล
ตรงไปพระเมรุมิทันช้า ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ กลองโยน
     ครั้นถึงจึงประทับกับเกย
พนักงานตามเคยเตรียมท่า
เชิญพระโกศจากรถรัตนา
ขึ้นตั้งบนเบญจามาลี ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ชมตลาด

     จึงสระสรงสำอางอินทรีย์*
วารีชำระรดหมดหมอง
ขัดขมิ้นหนุนเนื้อนวลละออง
ทรงสุคนธ์ปนทองอุไรเรือง
หวีเกศกันไรใส่กรอบหน้า
จรจินดาแวววับประดับเนื่อง
กุณฑลห้อยพลอยเพชรค่าเมือง
อร่ามเรืองรุ้งร่วงดังดวงดาว
บรรจงทรงภูษาสีเศวต
สไบปักทองเทศพื้นขาว
ทองกรสุรกานต์สังวาลวาว*
สะอิ้งแก้วแพรวพราวพรายตา
ธำมรงค์ทรงสอดนิ้วพระหัตถ์
เพชรรัตน์พรรณรายทั้งซ้ายขวา
ครั้นเสร็จเสด็จลีลา
ลงจากพลับพลาพนาลัย ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
     ร่าย

     โฉมยงทรงสีวิกากาญจน์
พร้อมกำนัลนงคราญน้อยใหญ่
เสด็จโดยมรคาข้างใน
ตรงไปพระเมรุฉับพลัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
ครั้นถึงจึงเข้าไปนอบนบ
บังคมพระศพแล้วโศกศัลย์*
ความรักสลักใจจาบัลย์
พิไรร่ำรำพันโศกา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
     โอ้บูชากุณฑ์

     โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมเอ๋ย
ไหนเลยมาม้วยสังขาร์
ทิ้งข้าน้อยไว้ให้เวทนา*
หนีไปฟากฟ้าดุษฎี
น้องละบิตุเรศมารดา
สุริย์วงศ์พงศาบุรีศรี
โดยเสด็จมาในพนาลี
ด้วยภักดีต่อองค์พระทรงธรรม์
หวังเอาเบื้องบาทภูวเรศ
ปกเกศไปกว่าจะอาสัญ
พระจากเมืองเมียมาได้ห้าวัน
มาจำตายจากกันด้วยโจรไพร
แม้นพระองค์ทรงฟังน้องว่า
จะสุดสิ้นชีวิตก็หาไม่
ร่ำพลางโศกาอาลัย
อรไทไม่เป็นสมประดี ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
     ร่าย

     เมื่อนั้น
สองกษัตริย์สุริย์วงศ์เรืองศรี
ให้ยกโกศแก่นจันทน์ทันที
มาตั้งที่ถวายเพลิงเชิงตะกอน
พระทรงถือธูปเทียนสุคนธา
แล้วชวนนางดรสาสายสมร
ทั้งสองมเหสีบังอร
บทจรเข้าจุดอัคคี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ ปี่กลอง
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top