ระตูทั้งสองทำศพระตูบุศสิหนา*
|
|
|
๏ บัดนั้น
|
เสนีสี่นายก็หรรษา
|
ออกจากที่ประทับพลับพลา
|
มาขึ้นม้าพาพลกลับไป ฯ*
|
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า
|
ต่างคนก้มเกล้าบังคมไหว้
|
ทูลสองระตูภูวไนย
|
ให้ทราบพระทัยทุกประการ ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ทั้งสองกษัตริย์ได้ฟังสาร
|
ค่อยคลายวายทุกข์รำคาญ
|
จึงบรรหารตรัสสั่งเสนี
|
อันศพอนุชาผู้ร่วมจิต
|
เราจะฌาปนกิจเสียที่นี่
|
จงกะเกณฑ์รี้พลมนตรี
|
เร่งถางที่ทำเมรุริมบรรพต
|
ท่านคิดทำให้งามตามของป่า
|
เบญจาจงประดับดอกไม้สด
|
สืบไปจะได้เป็นเกียรติยศ
|
สั่งกำหนดให้เสร็จในสองวัน ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
อำมาตย์รับสั่งแล้วผายผัน
|
ออกมาเร่งรัดจัดกัน
|
แบ่งพวกพลขันธ์ตามบัญชี
|
การพระเมรุเกณฑ์สี่ตำรวจใน
|
จ่ายไพร่ทั้งสองกรุงศรี
|
มูลนายหลายกรมที่สมมี*
|
เกณฑ์หน้าที่สามส้างทุกเสนา
|
นายงานทหารในระดับกัน
|
ทำพระโกศด้วยฉันทน์กฤษณา
|
พวกช่างทั้งปวงบรรดามา
|
ให้ประดับเบญจาด้วยดอกไม้
|
เลือกเหล่ากิดาหยันมาช่วยร้อย
|
ถ้าเห็นน้อยเติมเหล่าขอเฝ้าให้*
|
กองนอกกับพรานชำนาญไพร
|
จงเที่ยวไปเก็บบุหงาสารพัน
|
อันพลบุศสิหนานั้นเกณฑ์ด้วย
|
ใครแหล่หลอนผ่อนช่วยเข้าที่นั่น
|
กองไหนแชเชือนตักเตือนกัน
|
ในสองวันให้เสร็จอย่านอนใจ ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
นายมูลขุนหมื่นน้อยใหญ่*
|
ที่เกียจคร้านการงานก็บ่นไป
|
แกล้งเกณฑ์หน้าที่ให้เต็มประดา
|
บ้างคุมไพร่เร่งรัดไปตัดเสา
|
เลือกล้วนเปลาเปลาที่ในป่า
|
ล้มลงทอนตัดแล้ววัดวา
|
ประจบตากล่อมเกลาเท่ากัน
|
บ้างใส่สาลี่ลากกระชากฉุด
|
อุตลุดอึงไปในไพรสัณฑ์
|
บ้างดัดไม้ไผ่ป่าเอาพร้าฟัน
|
เสียงสนั่นก้องพงดงดาล
|
เหล่าพวกเก็บดอกไม้ก็ไปหา
|
พบบุปผาขึ้นหักกิ่งก้าน
|
บ้างสอดสอยผลพวงดวงมาลย์
|
ทั้งตูมบานแก่อ่อนผ่อนส่งนาย ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
จึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย
|
ต่างมาจับฉลากมากมาย
|
วุ่นวายอลหม่านเป็นการรุม
|
เสนีสี่ตำรวจนายด้านเมรุ
|
ก็กะเกณฑ์อุตลุดขุดหลุม
|
ชักระดับได้ที่ทั้งสี่มุม
|
ผู้คนเกลื่อนกลุ้มรุมกัน
|
ยกเสาขึ้นทั้งทั้งสี่ต้น
|
ต่างติดเครื่องบนขมีขมัน
|
พนักงานหอสวดสามข้างนั้น
|
ก็ยกขึ้นพร้อมกันทันที
|
บ้างดาดผนังหลังคาผ้าขาว
|
เพดานดาวดอกไม้สลับสี
|
หุ้มเสาด้วยผ้าแดงโมรี
|
เอาม่านที่พลับพลามากั้นกาง
|
กองพระเบญจามาประดับ
|
ซ้อนสลับแม่ลายหลายอย่าง
|
บ้างลอกพลับพลึงกรึงพื้นพลาง
|
เลือกบุปผาต่างต่างเป็นตัวซ้อน
|
บ้างร้อยราชวดฉัตรชั้น
|
พื้นพรรณบุปผชาติเกสร
|
บ้างประดับศาลาเป็นจามร
|
รบรอนติดกระจังบัลลังก์ลด*
|
บุษบกยกคนเข้ารุมกัน
|
เห็นเหลือมือไม่ทันการกำหนด
|
คิดแบ่งเบาเอาบุษบกรถ
|
มาแต่งตั้งตามยศกษัตรา
|
เครื่องสูงถ้าชั้นกั้นกาง
|
ตั้งหว่างชุมสายซ้ายขวา
|
จัดแจงแต่งตามพระบัญชา
|
ไม่ช้าแล้วเสร็จทุกสิ่งอัน ฯ
|
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
สองกษัตริย์กำสรดโศกศัลย์
|
เนาในพลับพลาพนาวัน
|
ครั้นรุ่งแสงสุริยันต์ตรัสไตร
|
จึงเข้าที่ชำระสระสรง
|
จะแต่งองค์ทรงเครื่องก็หาไม่
|
มาขึ้นรถสุวรรณทันใด
|
รีบไปยังศพอนุชา ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
|
๏ เลี้ยวเหลี่ยมภูผาปะราปี
|
เห็นโยธีตายกลาดอยู่นักหนา
|
ให้แสนสังเวชวิญญาณ์
|
ชลนาไหลหลั่งถั่งลง
|
เหลือบเห็นอนุชาสิ้นชีวี
|
นอนเหนือปัถพีธุลีผง
|
สลดจิตดังชีวิตจะปลดปลง*
|
ต่างทรงโศกาจาบัลย์ ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
|
๏ ครั้นค่อยคลายวิโยคโศกเศร้า
|
ซึ่งสั่งเหล่าเสนีขมีขมัน
|
ให้เชิญศพองค์พระน้องนั้น
|
ใส่ในโกศจันทน์ทันใด
|
แล้วรับขึ้นราชรถทอง
|
ประโคมก้องหิมวาป่าใหญ่
|
แห่แหนดาษดาคลาไคล
|
ตรงไปพระเมรุมิทันช้า ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ กลองโยน
|
๏ ครั้นถึงจึงประทับกับเกย
|
พนักงานตามเคยเตรียมท่า
|
เชิญพระโกศจากรถรัตนา
|
ขึ้นตั้งบนเบญจามาลี ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
ชมตลาด
|
|
๏ จึงสระสรงสำอางอินทรีย์*
|
วารีชำระรดหมดหมอง
|
ขัดขมิ้นหนุนเนื้อนวลละออง
|
ทรงสุคนธ์ปนทองอุไรเรือง
|
หวีเกศกันไรใส่กรอบหน้า
|
จรจินดาแวววับประดับเนื่อง
|
กุณฑลห้อยพลอยเพชรค่าเมือง
|
อร่ามเรืองรุ้งร่วงดังดวงดาว
|
บรรจงทรงภูษาสีเศวต
|
สไบปักทองเทศพื้นขาว
|
ทองกรสุรกานต์สังวาลวาว*
|
สะอิ้งแก้วแพรวพราวพรายตา
|
ธำมรงค์ทรงสอดนิ้วพระหัตถ์
|
เพชรรัตน์พรรณรายทั้งซ้ายขวา
|
ครั้นเสร็จเสด็จลีลา
|
ลงจากพลับพลาพนาลัย ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
|
ร่าย
|
|
๏ โฉมยงทรงสีวิกากาญจน์
|
พร้อมกำนัลนงคราญน้อยใหญ่
|
เสด็จโดยมรคาข้างใน
|
ตรงไปพระเมรุฉับพลัน ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
|
ครั้นถึงจึงเข้าไปนอบนบ
|
บังคมพระศพแล้วโศกศัลย์*
|
ความรักสลักใจจาบัลย์
|
พิไรร่ำรำพันโศกา ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
|
โอ้บูชากุณฑ์
|
|
๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมเอ๋ย
|
ไหนเลยมาม้วยสังขาร์
|
ทิ้งข้าน้อยไว้ให้เวทนา*
|
หนีไปฟากฟ้าดุษฎี
|
น้องละบิตุเรศมารดา
|
สุริย์วงศ์พงศาบุรีศรี
|
โดยเสด็จมาในพนาลี
|
ด้วยภักดีต่อองค์พระทรงธรรม์
|
หวังเอาเบื้องบาทภูวเรศ
|
ปกเกศไปกว่าจะอาสัญ
|
พระจากเมืองเมียมาได้ห้าวัน
|
มาจำตายจากกันด้วยโจรไพร
|
แม้นพระองค์ทรงฟังน้องว่า
|
จะสุดสิ้นชีวิตก็หาไม่
|
ร่ำพลางโศกาอาลัย
|
อรไทไม่เป็นสมประดี ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
|
ร่าย
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
สองกษัตริย์สุริย์วงศ์เรืองศรี
|
ให้ยกโกศแก่นจันทน์ทันที
|
มาตั้งที่ถวายเพลิงเชิงตะกอน
|
พระทรงถือธูปเทียนสุคนธา
|
แล้วชวนนางดรสาสายสมร
|
ทั้งสองมเหสีบังอร
|
บทจรเข้าจุดอัคคี ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ ปี่กลอง
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment