อิเหนาทูลลาไปไล่เนื้อ
|
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
|
แจ้งว่าบิตุรงค์ทรงธรรม์
|
ใช้ให้ดะหมังนั้นไปนัดการ
|
จัดแจงที่จะแต่งสยุมพร
|
พระเร่งร้อนฤทัยดังไฟผลาญ
|
แต่โศกาครวญคร่ำรำคาญ
|
จะคิดอ่านผ่อนผันฉันใดดี
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ อย่าเลยจะทูลลาไปเล่นไพร
|
แต่พอได้ออกจากกรุงศรี
|
แล้วจะไปหมันหยาธานี
|
ให้สมที่จินดาอาวรณ์
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ คิดแล้วอ่าองค์ทรงเครื่อง
|
ย่างเยื้องจากแท่นบรรจถรณ์
|
มาทรงกัณฐัศว์อัสดร
|
บทจรเข้ายังวังใน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี
|
พระชนกชนนีเป็นใหญ่
|
เห็นท่วงทีชอบช่องจึงทูลไป
|
ว่าลูกไม่สบายมาหลายวัน
|
ขอพระองค์จงโปรดปรานี
|
พรุ่งนี้จะลาไปไพรสัณฑ์
|
เที่ยวไล่มฤคาในอารัญ
|
เจ็ดวันจะกลับมาเวียงชัย
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระองค์ทรงพิภพสบสมัย
|
ฟังโอรสลาไปเล่นไพร
|
ภูวไนยไม่พะวงสงกา
|
จึงตริตรึกปรึกษามเหสี
|
อิเหนานี้คำนึงถึงจินตะหรา
|
เศร้าหมองไม่หายหลายเดือนมา
|
จะต้องตามวิญญาณ์ให้คลายใจ
|
ว่าพลางทางมีพจนารถ
|
อนุญาตโดยดังอัชฌาสัย
|
ลูกรักจักลาไปเล่นไพร
|
ก็ตามใจแต่อย่าอยู่ช้า
|
แล้วดำรัสตรัสสั่งตำมะหงง*
|
ท่านจงไปด้วยโอรสา
|
เป็นผู้ใหญ่ต่างใจต่างตา
|
อย่าให้พระลูกยาอยู่นาน
|
กำชับให้กลับในเจ็ดวัน
|
ถึงกรุงกุเรปันราชฐาน
|
สั่งเสร็จเสด็จจากพระโรงธาร
|
ภูบาลเข้าสู่ปราสาทชัย
ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีศรีใส
|
ชื่นชมสมจิตที่คิดไว้*
|
ก็คลาไคลไปปราสาทวิยะดา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
๏ พอประสบพบองค์มะเดหวี
|
สถิตที่ห้องทองขนิษฐา
|
พระลดองค์ลงถวายวันทา
|
ทำทีกิริยาเปรมปรีดิ์
|
แล้วโอบอุ้มประคองพระน้องรัก
|
มาใส่ตักเชยชมมารศรี
|
ชันษายังไม่ถึงกึ่งปี
|
อนิจจาพี่นี้จะจากไป
|
พระสะท้อนถอนจิตจาบัลย์
|
สุดที่จะกลั้นกันแสงได้
|
ชลเนตรคลอเนตรภูวไนย
|
ผินไปทรงซับเสียฉับพลัน
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
มะเดหวีมีศักดิ์เฉิดฉัน
|
เห็นอิเหนาลูกยาจาบัลย์
|
จึงตรัสถามไปพลันทันใด
|
เจ้าอุ้มน้องเชยชมภิรมย์รัก
|
เป็นไรนั่นผันพักตร์ไปร้องไห้
|
เห็นผิดทีเที่ยวป่าพนาลัย
|
เหมือนจะไปอยู่ช้าสักห้าปี
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเรืองศรี
|
เสแสร้งแกล้งทูลพระชนนี
|
เมื่อกี้ผงปลิวเข้าตา
|
ก้มกรีดชลเนตรจะให้หาย
|
ยังระคายเคืองเนตรเป็นหนักหนา
|
อย่ากินแหนงแคลงใจพระมารดา
|
ใช่ว่าจะโศกศัลย์ด้วยอันใด
|
ซึ่งลูกจะลาไปอารัญ
|
เจ็ดวันก็จะกลับกรุงใหญ่
|
ว่าพลางวางองค์พระน้องไว้
|
บังคมไหว้มะเดหวีแล้วลีลา
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
|
๏ ครั้นถึงประเสบันทันที
|
นั่งเหนือแท่นมณีที่ข้างหน้า
|
จึงสั่งสี่พี่เลี้ยงให้ตรวจตรา
|
โยธาสำหรับทัพชัย
|
จงจัดคนนำทางที่สันทัด
|
ดั้นดัดมรคาป่าใหญ่
|
พอย่ำยามสามจะยกไป
|
อย่านอนใจให้ทันเวลา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ประสันตารู้ในแต่ไม่ว่า
|
ทำนับนิ้วจับยามสามตา
|
เฉยหน้าทูลองค์พระทรงธรรม์
|
เสด็จในยามนี้เถิดดีจริง
|
จะเกิดลาภสักสิ่งเป็นแม่นมั่น
|
ถ้ามิได้สมจิตที่คิดนั้น
|
ขอถวายชีวันประสันตา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
|
ยิ้มพลางทางเขม้นนัยนา
|
แล้วตรัสว่าช่างทำนายทายเดา
|
นี่ใครใช้ให้เจ้าเป็นหมอดู
|
อวดรู้พูดโป้งไปเปล่าเปล่า
|
จะได้ลาภมิได้ก็ทำเนา
|
มิใช่การอย่าเอามาพาที
|
ไม่สบายวิญญาณ์จะคลาไคล
|
ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจของพี่
|
รำคาญวานอย่าเฝ้าเซ้าซี้
|
จงไปจัดโยธีให้พร้อมไว้
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ยะรุเดะผู้มีอัชฌาสัย
|
แย้มยิ้มในหน้าแล้วว่าไป
|
เจ้าพูดไยอย่างนั้นประสันตา
|
ถึงได้ลาภอย่างไรก็ไม่ชื่น
|
ไม่เหมือนคืนเขตขัณฑ์หมันหยา
|
ว่าพลางทางถวายบังคมลา
|
ออกมาหน้าจักรวรรดิ์จัดพล
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ ตั้งกองท้องสนามตามอย่าง
|
ขุนช้างผูกช้างระวางต้น
|
แต่ละตัวห้าวหาญชาญชน
|
ชนะศึกฝึกฝนมาหลายคราว
|
ขุนม้าผูกม้าพาชี*
|
แซมสีเหลืองกะเลียวเขียวขาว
|
เลือกล้วนตัวดีมีฝีเท้า
|
ประดับเครื่องกุดั่นดาวนากทอง
|
ขุนรถเร่งเทียมรถา
|
อาชาฉุดชักเคล่าคล่อง
|
สารถีขี่ขับตามทำนอง
|
เหน็บกริชฝักทองถือธนู
|
ขุนพลจัดพลพร้อมพรั่ง
|
คับคั่งโยธีทั้งสี่หมู่
|
กรมวังนั่งคอยไขประตู
|
เตรียมท่าพระโฉมตรูจะยาตรา
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
|
ร่าย
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
|
ครั้นล่วงปฐมยามเวลา
|
เสด็จมาเข้าที่พระบรรทม
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
ช้า
|
|
๏ เอนองค์ลงรำพึงคะนึงใน
|
ดังได้โฉมตรูมาสู่สม
|
ยินดีปรีดาในอารมณ์
|
พลางชมสไบบางต่างเทวี
|
หอมตลบอบซาบนาสา
|
เหมือนกลิ่นจินตระหรามารศรี
|
นึ่งนึกตรึกไตรในราตรี
|
ภูมีไม่สนิทนิทรา
|
แต่เฝ้าเปรมปริ่มกระหยิ่มใจ
|
เหมือนพรุ่งนี้จะได้ไปเห็นหน้า
|
พระกรรณตรับนับทุ่มนาฬิกา
|
นั่งคอยเวลาจะคลาไคล
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
ร่าย
|
|
๏ ครั้นประโคมฆ้องย่ำสามยามเศษ
|
ภูวเรศยินดีจะมีไหน
|
เสด็จออกจากห้องทองทันใด
|
คลาไคลไปสรงชลธาร
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
โทน
|
|
๏ ไขสุหร่ายวารินกลิ่นเกลี้ยง
|
สถิตนั่งเหนือเตียงสรงสนาน
|
ทรงสุคนธ์ปนทองรองพาน
|
กลิ่นสุมาลย์ตลบอบองค์
|
สอดใส่สนับเพลาพื้นตาด
|
ปักรูปสีหราชเหมหงส์
|
ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์
|
ฉลององค์อินทรธนูงามงอน
|
เจียระบาดตาดสุวรรณพรรณราย
|
คาดปั้นเหน่งเพชรพรายสายสร้อยอ่อน
|
ทับทรวงดวงกุดั่นดอกซ้อน
|
ทองกรแก้วมณีเจียระไน
|
ธำมรงค์ค่าเมืองเรืองระยับ
|
มงกุฎเก็จเพชรประดับดอกไม้ไหว
|
เหน็บกริชเทวาแล้วคลาไคล
|
มาทรงมโนมัยในเที่ยงคืน
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
|
๏ ม้าเอยม้าต้น*
|
สามารถอาจผจญไม่เต้นตื่น
|
พ่วงพีมีกำลังยั่งยืน
|
ตัวรู้อยู่ปืนได้ทดลอง
|
ผูกเครื่องกุดั่นดาวจำหลัก
|
สายถือเทศถักเป็นลายสอง
|
ห้อยหูพู่จามรีกรอง
|
ใบโพธิ์ทองถมยาประดับเพชร
|
พานหน้าพนังข้างอย่างนอก
|
ดวงดอกเนาวรัตน์ตรัสเตร็จ
|
พระทรงแส้สุวรรณกัลเม็ด
|
เสนาตามเสด็จแน่นนันต์
|
ม้าพี่เลี้ยงเคียงม้าที่นั่งทรง
|
ตำมะหงงนั้นนำพลขันธ์
|
เดินทางสว่างแจ้งด้วยแสงจันทร์
|
เร่งกันให้รีบจรลี
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
|
โอ้ร่าย
|
|
๏ เข้าในอรัญวาป่าใหญ่
|
ภูวไนยคะนึงถึงโฉมศรี
|
โอ้ว่าจินตระหราวาตี
|
ป่านฉะนี้ดวงใจจะไสยา
|
หรือจะตื่นนิทราเพลาดึก
|
รำลึกถึงพี่บ้างกระมังหนา
|
หอมหวนอวลรสสุมาลา
|
พระพายพากลิ่นตลบอบอาย
|
น้ำค้างตกต้องใบพฤกษา
|
จับแสงจันทราจำรัสฉาย
|
หิ่งห้อยย้อยระยับจับไม้ราย
|
พรายพรายแพร้วแพร้วที่แถวทาง
|
เสียงบุหรงร้องก้องพนาวัน
|
สุริย์ฉันจวนแจ้งแสงสว่าง
|
พอพ้นด่านกุเรปันชั้นกลาง
|
หนทางรื่นราบดังปราบไว้
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
ร่าย
|
|
๏ พระคิดดูรู้ระยะมรคา
|
เห็นยังไกลหมันหยากรุงใหญ่
|
จะอุบายขับควบอาชาไนย
|
รีบไปให้เปลืองหนทางจร
|
คิดแล้วจึงมีบัญชาสั่ง
|
ให้รอรั้งมโนมัยไว้ก่อน
|
พอรุ่งรางสร่างแสงทินกร
|
จึงให้ควบอัสดรดูกำลัง
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ แล้ววางม้าทรงลงแส้
|
ทั้งทวยหาญม้าแห่หน้าหลัง
|
ต่างควบอาชาดาประดัง
|
คับคั่งเคียงแข่งแซงไป
|
บ้างมุ่นหกผกโผนลำพอง
|
แตกคลองพากระเจิงเข้าเชิงไผ่
|
แต่กระชากลากฉุดจนอ่อนใจ
|
แก้ไขสิ้นคิดถึงปิดตา
|
พวกขี้ขลาดอวดดีขี่เบาะบาง
|
สะบัดย่างวางตามเป็นสามขา
|
รัดอกขาดพลาดพลัดลงมา
|
ปากคอคิ้วตาระยำยับ*
|
บ้างควบปรึงตะบึงไปไม่รอรั้ง
|
จนตาลายสิ้นกำลังลมจับ
|
เหงื่อออกอาบหน้าเอาผ้าซับ
|
แล้วรีบขับควบตามเสด็จไป
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
|
๏ ลุล่วงมรคามาถึง
|
ที่หนึ่งธารท่าชลาไหล
|
เวลาเที่ยงแดดร้อนอ่อนใจ
|
จึงสั่งให้พักพลโยธา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ขุนหมื่นพันทนายซ้ายขวา
|
ต่างเปลื้องเครื่องอานอาชา
|
พานหน้าซองหางออกวางไว้
|
คนเลี้ยงเคียงม้าจูงประจำ
|
มาลงน้ำกินหญ้าในป่าใหญ่*
|
บรรดาคนเดินเท้านั้นไซร้
|
ก็ตามไปถึงพลันทันที
|
บ้างหุงโภชนาอาหาร
|
สับสนอลหม่านอึงมี่
|
บ้างถากเสาเกลาไม้มากมี
|
ทำที่ประทับพลับพลาพลัน
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
|
พระเสด็จย่างเยื้องจรจรัล
|
ขึ้นสู่สุวรรณพลับพลาชัย
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment