เกิดนางวิยะดา
|
|
|
ช้า
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ฝ่ายประไหมสุหรีศรีใส
|
แต่ละห้อยคอยหาพระดนัย
|
นางไม่เป็นสุขสักเวลา
|
พระครรภ์ได้สิบเดือนโดยกำหนด
|
จะประสูติโอรสเสนหา
|
ให้เจ็บปวดรวดเร้าทั้งกายา
|
ประหนึ่งว่าโฉมฉายจะวายปราณ
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
นางกำนัลต่างคนอลหม่าน
|
บ้างเข้าประคององค์นงคราญ
|
หมอผู้หญิงอยู่งานผันแปร
|
เหล่าพวกข้าหลวงก็ตกใจ*
|
บ้างวิ่งไปบอกกล่าวท่านเถ้าแก่*
|
เจ้าขรัวนายออกมานั่งสั่งหุ้มแพร
|
ให้เตรียมแตรพิณพาทย์ฆ้องชัย
|
แล้วหมายบอกไปเบิกน้ำสุรา
|
สำหรับยาจะได้ดองสักสองไห*
|
เตือนเจ้าพนักงานทหารใน
|
ให้ยกที่ประทมไฟเข้าไปพลาง
|
เชื้อพระวงศ์ทรงถือเขนยทอง
|
นั่งหนุนพระขนองทั้งสองข้าง
|
เห็นโฉมฉายประชวรครวญคราง
|
กำนัลนางน้อยน้อยพลอยตีทรวง
|
บ้างเร่งหาหมอยาหมอนวด
|
เรียกตำรวจเข้ามาผูกผ้าหน่วง
|
บ้างต้มน้ำทำการทั้งปวง
|
ในเรือนหลวงวิ่งไขว่กันไปมา
|
ที่นับถือผีสางลางคน
|
ก็บวงบนเอาเบี้ยขึ้นเหน็บฝา
|
บ้างอวดรู้ดูยามสามตา
|
จะประสูติไม่ช้าเวลานี้
|
เหล่าพวกเจ้าจอมหม่อมอยู่งาน
|
ก็ลนลานคลานเข้าไปในที่
|
ชิงกันเอาหน้าพาที
|
ทูลคดีให้ทราบบาทา
|
ฯ ๑๔ คำ เจรจา ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระผ่านภพกุเรปันนาถา
|
ครั้นแจ้งก็รีบลีลา
|
ลงมาที่อยู่เยาวมาลย์
|
ทรงนั่งบัลลังก์รัตน์รูจี
|
พิศพักตร์มารศรีแล้วสงสาร
|
จึงกำชับหมอผู้หญิงที่อยู่งาน
|
ดูอาการกัลยายิ่งอาวรณ์
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีศรีสมร
|
เจ็บจวนประชวรพระอุทร
|
บังอรไม่เป็นสมประดี
|
ครั้นปัจจุสมัยใกล้สว่าง
|
เสียงประโคมดุริยางค์อึงมี่
|
พอได้ฤกษ์เวลานาที
|
มารศรีประสูติพระธิดา
|
ฯ ๔ คำ ฯ มโหรี
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์มะเดหวีเสนหา
|
รับราชบุตรีนั้นมา
|
โสรจสรงธาราทันใด
|
แล้ววางองค์ลงเหนือพระยี่ภู่
|
ลาดปูโขมพัตถ์ผ่องใส
|
เอาพานทองรองรับตั้งไว้
|
ที่ในกระโจมแพรแสสุวรรณ
|
พระวงศามาเฝ้าพิทักษ์ถนอม
|
แน่นนั่งพรั่งพร้อมรับขวัญ
|
ท้าวนางพระสนมกำนัล
|
ชวนกันชื่นชมยินดี
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระผู้ผ่านกุเรปันกรุงศรี
|
พิศโฉมพระราชบุตรี
|
ลออองค์อินทรีย์เพียงนางฟ้า
|
อันนิมิตที่เป็นให้เห็นนั้น
|
ก็เหมือนกันกับบุตรีดาหา
|
จึงให้นามตามวงศ์เทวา
|
ชื่อระเด่นวิยะดานารี
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ฝ่ายมหาอำมาตย์ทั้งสี่
|
จึงจัดบุตรเสนาบรรดามี
|
แปดร้อยนารีจำเริญวัย
|
ทั้งเงินทองของขวัญต่างต่าง
|
ตามอย่างพระธิดาประสูติใหม่
|
ให้เถ้าแก่โขลนจ่าพาเข้าไป
|
ยังในนิเวศน์วังพลัน
|
ต่างบังคมคัลอัญชลี
|
องค์ศรีปัตหรารังสรรค์
|
ตำมะหงงยาสาเสนานั้น
|
ทูลถวายของขวัญทันที
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี
|
ยิ่งทรงโสมนัสพันทวี
|
จึงจัดสี่พี่เลี้ยงพระธิดา
|
ล้วนบุตรเสนีมีศักดิ์
|
นรลักษณ์รูปทรงวงศา
|
คนหนึ่งชื่อบาหยันกัลยา
|
ซ่าเหง็ดโสภานารี
|
หนึ่งชื่อประเสหรันแน่งน้อย
|
ประลาหงันแช่มช้อยโฉมศรี
|
ตำแหน่งที่พี่เลี้ยงพระบุตรี
|
ตั้งได้แต่สี่พารา
|
อันบุตรเสนีทั้งนั้น
|
แบ่งเป็นกำนัลซ้ายขวา
|
แล้วประทานสิ่งของนานา
|
เงินทองแพรผ้าสารพัน
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
|
เนาในพลับพลาพนาวัน
|
สุริยันเยี่ยมยอดบรรพต
|
จึงเข้าที่ชำระสระสรง
|
ทรงเครื่องประดับองค์อลงกต
|
แล้วเสด็จขึ้นยังบัลลังก์รถ
|
ให้เคลื่อนทศโยธาคลาไคล
|
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
|
๏ เดินพลางทางชมรุกขชาติ
|
เดียรดาษดวงดอกออกไสว
|
หอมประทิ่นเหมือนกลิ่นทรามวัย
|
ภูวไนยถวิลหาปรารภ
|
สกุณาพาคู่เคียงบิน
|
เหมือนเคียงพักตร์ทักษิณที่พระศพ
|
โนรีเรียงหน้าบนค่าคบ
|
เหมือนพี่แสร้งแกล้งกระทบอังสานาง
|
นกขมิ้นบินโผเข้าพงพี
|
เหมือนเจ้าเดินหนีพี่ไปให้ห่าง*
|
สีชมพูเหมือนสีสไบบาง
|
ที่เปลี่ยนมากลางทางแทนองค์
|
นางนวลเล่นน้ำอยู่ในหนอง
|
เหมือนนวลน้องเมื่อสนานในสระสรง*
|
ชมพลางทางระทดกำสรดทรง
|
ให้รีบรัดจตุรงค์จรลี
|
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
|
ร่าย
|
|
๏ แต่แรมรอนนอนป่าสิบห้าวัน*
|
ลุถึงกุเรปันกรุงศรี
|
ให้หยุดรถคชพลพาชี
|
ภูมีเสด็จไปเข้าในวัง
|
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
|
๏ ครั้นถึงปราสาทพระบิดา
|
ฝูงกำนัลกัลยาพร้อมพรั่ง
|
พระหยุดแฝงทวารบานบัง
|
ยับยั้งดูทีกิริยา
|
เห็นพระบิตุเรศมารดร
|
สโมสรสรวลสันต์หรรษา
|
จึงเข้าไปในปราสาทรจนา
|
วันทาพระชนกชนนี
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment