ระตูบุศสิหนายกทัพตามประสันตา
|
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูบุศสิหนาเป็นใหญ่
|
เร่งรัดจัดพหลพลไกร
|
นายไพร่พร้อมถ้วนกระบวนทัพ ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ จึงเข้าที่ชำระสระสนาน
|
สุคนธารกลิ่นกลบอบอุหรับ
|
พระฉายตั้งเตียงทองรองรับ
|
สอดใส่สนับเพลาพลัน
|
ภูษายกแย่งครุฑภุชงค์
|
จัดกลีบจีบประจงทรงกระสัน
|
ฉลององค์ทรงใส่เกราะสุวรรณ
|
สำหรับกันศาตราอาวุธ*
|
ห้อยหน้าเจียระบาดคาดทับ
|
ปั้นเหน่งสายบานพับประดับบุษย์
|
ใส่สังวาลย์รณรงค์ยงยุทธ์
|
ทองกรชมพูนุทรจนา
|
สอดทรงธำมรงค์เรือนสุบรรณ
|
มงกุฎกรรเจียกจรซ้ายขวา
|
เหน็บกริชฤทธิไกรไคลคลา
|
เสด็จมาห้องสุวรรณเทวี ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
ร่าย
|
|
๏ ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์
|
จึ่งตรัสแก่ประไหมสุหรี
|
เมื่อกี้โจรป่าพนาลี
|
เข้ามาที่นี่สี่ห้าคน
|
พวกเราขับไล่ก็ไม่ฟัง
|
โอหังจองหองพองขน
|
พาลวิวาทวัดเหวี่ยงเถียงลน
|
องอาจอวดตนเป็นพ้นรู้
|
แล้วสังหารผลาญพลเราล้มตาย
|
เป็นน่าแค้นน่าอายอดสู
|
พี่จะยกทัพขันธ์ไปพันตู
|
ขวัญข้าวค่อยอยู่อย่าอาวรณ์ ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
นวลนางดรสาสายสมร
|
กราบบาทบังคมประนมกร
|
ภูธรอย่าได้เสด็จไป
|
พระก็เป็นเอกองค์พงศ์กษัตริย์
|
ดำรงราชสมบัติบุรีใหญ่
|
ไม่ควรคู่สู้รบกับโจรไพร
|
ถึงมาตรแม้นมีชัยก็ไม่งาม
|
ถ้าฉวยเพลี่ยงพล้ำสิซ้ำร้าย
|
จะเสียยศอดอายกลางสนาม
|
ให้แก่คนชำนาญการสงคราม
|
ยกทัพติดตามไปต่อตี ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูบุศสิหนาเรืองศรี
|
ฟังนางพลางตอบพาที
|
ว่าไยอย่างนี้กัลยา
|
ธรรมดาว่าพวกโจรไพร
|
ย่อมเรืองฤทธิไกรแกล้วกล้า
|
เคยรณรงค์รบราญชำนาญมา
|
ทั่วทุกพาราก็เลื่องลือ
|
จะให้แต่โยธาทั้งนั้น
|
ไปต้านต่อกับมันจะได้หรือ
|
พี่จะใคร่ไปสู้ดูฝีมือ
|
จะมาถือยศศักดิ์ด้วยอันใด
|
เจ้าอย่าโศกาปรารมภ์
|
ทุกข์ร้อนเกรียมตรมหม่นไหม้
|
สั่งเสร็จเสด็จจากห้องใน
|
ออกไปที่ประชุมโยธา ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ จึงเหยียบโกลนโจนขึ้นม้าที่นั่ง
|
ด้วยกำลังแค้นขัดสหัสา
|
โบกพระหัตถ์ตรัสสั่งเสนา
|
ให้เร่งยกโยธาคลาไคล ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
|
๏ เลียบเดินตามเนินแนวกุหนุง
|
พอตกทุ่งแลเห็นทัพใหญ่
|
ธงเทียวเขียวแดงดาษไป
|
เสียงฆ้องกลองชัยนี่นันต์
|
ระตูเดือดดาลทะยานจิต
|
ประกาศิตสั่งนิกรกองขันธ์
|
เร่งโจมตีเข้าไปอย่าไว้มัน
|
ไล่พิฆาตฟาดฟันให้มรณา ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
นายทัพรับสั่งใส่เกศา
|
ต่างคนต่างขับโยธา
|
ทั้งกองหนุนกองหน้าดาประดัง
|
เร่งพลพาชีตีกระหนาบ
|
ตัวนายชักดาบออกไล่หลัง
|
ทนายปืนยิงปืนตึงดัง
|
เสียงดังครื้นครั่นสนั่นดง ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
|
๏ บัดนั้น
|
จึงมหาเสนาตำมะหงง
|
แกว่งกระบี่ตีต้อนจัตุรงค์
|
อาจองออกไล่ทะลวงฟัน
|
ที่เหล่านั่งหลุมซุ่มคอยรับ
|
ก็ปล่อยตับเสียงปืนครื้นครั่น
|
พวกอาสาม้าแซงสามพัน
|
รำทวนสวนควันเข้าโถมแทง
|
บ้างลุยไล่สะพัดซัดหอกคู่
|
เกาทัณฑ์ธนูน้าวแผลง
|
พลระตูตายกลาดกลางแปลง
|
เลือดแดงเป็นสาดดาษดา ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ ประสันตาดีใจเห็นได้ที
|
ถือกระบี่รี่รำออกนำหน้า
|
บ่าวไพร่ไม่คิดแก่ชีวา
|
ต่างเข้าเข่นฆ่าปัจจามิตร
|
พวกพลแตกกระจายพ่ายพัง
|
จนกระทั่งทัพระตูไม่ต้านติด
|
ประสันตาท้าทายทำอวดฤทธิ์
|
รำกริชเยาะเย้ยไปมา ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ กลองมลายู
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านบุศสิหนา
|
เห็นโจรไพรไล่พลโยธา
|
แตกกระจายพ่ายมาจนหน้าทัพ
|
โกรธนักชักกระบี่ออกตีต้อน
|
ไล่พลนิกรสะท้อนกลับ
|
กองหลวงกองหลังคั่งคับ
|
ไม่หลีกหลบรบรับต้านทาน
|
บ้างพุ่งผัดศาตราอาวุธ*
|
อุตลุดสับสนอลหม่าน
|
หักโหมโรมรันประจัญบาน
|
ตีประดาหน้ากระดานเข้าไป ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ปันหยีองอาจไม่หวาดไหว
|
เห็นระตูต้อนพลสกลไกร
|
รุกไล่ติดพันประสันตา*
|
พระไล่พลพาชีกองหลวง
|
โถมทะลวงควงขับเข้ารับหน้า
|
บ้างรำทวนสวนแทงบนหลังม้า
|
ชักอาชาหมายมุ่งพุ่งหอกซัด
|
พลดาบดึงดันเข้าฟันฟาด
|
สามารถรับรองป้องปัด
|
ทนายปืนยืนยิงคนละนัด*
|
แล้วหยุดยัดยิงสาดซ้ำไป ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูบุศสิหนาเป็นใหญ่
|
เห็นโยธีรี้พลสกลไกร
|
ชิงชัยไพรีไม่พ่ายพัง*
|
พระยิ่งกริ้วโกรธโกรธา
|
กะระตะอาชาม้าที่นั่ง
|
ฝ่าพลขึ้นไปมิได้ยั้ง
|
ด้วยโมโหโอหังไม่รั้งรอ
|
แลเห็นปันหยีขี่อาชา
|
โสภาพริ้งเพราดังเหลาหล่อ
|
น่าจะมีพงศ์เผ่าเหล่ากอ
|
เนื้อหน่อกษัตริย์ขัตติยา*
|
ท่วงทีที่ทำก็ประหลาด
|
เห็นมิใช่เชื้อชาติชาวป่า
|
คิดพลางทางมีวาจา
|
ดูราปันจุเหร็จฤทธิรณ
|
เป็นไฉนหยาบช้าสามานย์
|
ชวนกันทำการอกุศล
|
ตั้งกองซ่องสุมผู้คน
|
จะเที่ยวปล้นพาราหรือว่าไร
|
รูปทรงส่งศรีกิริยา
|
จะสมเป็นชาวป่าก็หาไม่
|
บ่าวท่านอาจองทะนงใจ
|
เข้าไปถึงหน้าพลับพลา
|
ไล่ผลาญรี้พลเราล้มตาย
|
แล้วหยาบช้าท้าทายเป็นหนักหนา
|
หมิ่นเราเผ่าพงศ์กษัตรา
|
เร่งส่งมันมาแต่โดยดี ฯ
|
ฯ ๑๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระโฉมยงองค์มิสาระปันหยี
|
ฟังระตูบุศสิหนาพาที
|
ยิ้มพลางทางมีพจมาน
|
เราเป็นชาติชาวป่าพนาลัย
|
เที่ยวอยู่ตามวิสัยในไพรสาณฑ์
|
มิได้เคยหักโหมโรมราญ
|
ตีบ้านเมืองใครแต่ไรมา
|
ซึ่งบ่าวเราทำละเมิดเกิดวิวาท
|
รุกราชอาจหาญเหมือนท่านว่า
|
จะให้ส่งตัวนั้นสุดปัญญา
|
ด้วยไม่รู้จักหน้าว่าผู้ใด
|
พวกพ้องของท่านที่ล้อมวง
|
แต่จะจับชาวดงก็ไม่ได้
|
ดูเหมือนไม่มีมือหรือว่าไร
|
นั่งให้เขาฆ่าขายหน้านาย
|
ถ้ารู้ไปถึงไหนก็ไม่งาม
|
ชอบแต่คิดผิดความเสียให้หาย
|
นี่อะไรไม่หนำยังซ้ำร้าย
|
เอาโยธามาตายเสียก่ายกอง
|
ซึ่งเราช่วยว่าเพราะการุญ
|
อย่าโมโหหันหุนขุ่นข้อง
|
จงยกทัพกลับไปดังใจปอง
|
ครอบครองพาราให้สำราญ ฯ
|
ฯ ๑๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูบุศสิหนากล้าหาญ
|
ฟังปันหยีตอบพจมาน
|
ว่าขานแนมเหน็บยิ่งเจ็บใจ
|
จึงร้องว่าเหวยปันจุเหร็จ
|
เข้ากับบ่าวกล่าวเท็จแก้ไข
|
มิส่งตัวมันมาก็แล้วไป
|
ดีแล้วจะได้เห็นกัน
|
ว่าพลางทางขับอาชา*
|
รำท่าเพลงทวนหวนหัน
|
เข้าไล่โรมรุกบุกบัน
|
หมายมั่นจะฆ่าชีวาลัย ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment