Latest News

Saturday, December 1, 2012

อิเหนา : อิเหนาขอชานสลาและเปลี่ยนสไบของนางจินตะหรา (๒๔)



อิเหนาขอชานสลาและเปลี่ยนสไบของนางจินตะหรา


     บัดนั้น
ซ่าเหง็ดรู้กิริยาบาหยัน
จึ่งทูลองค์อรไทวิไลวรรณ
ทำเจ็บฟันปวดป่วยเป็นพ้นไป
รำมะนาดเจ้ากรรมทำวิบาก
จะเคี้ยวสลาอ้าปากก็ไม่ได้
จึ่งหยิบหมากมาถวายทันใด
ทรามวัยได้โปรดเคี้ยวประทาน ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ระเด่นจินตะหราจึ่งว่าขาน
อะไรนี่มีแต่บอกอาการ
บ้างขอผ้าขอชานรำคาญใจ
เวทนามาเฝ้าเซ้าซี้
เช่นนี้น่าชังมั่งหรือไม่
จึ่งรับหมากมาเคี้ยวประเดี๋ยวใจ
แล้วส่งให้ซ่าเหง็ดด้วยเมตตา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
 
     บัดนั้น
ซ่าเหง็ดได้ประทานชานสลา
สะกิดเตือนบาหยันกัลยา
บังคมลามาจากเยาวมาลย์
เดินด่วนชวนกันเข้าในห้อง
ทั้งสองประดิษฐ์คิดอ่าน
เจียนตองแต่พอห่อชาน
ใส่ผอบเอาพานทองรอง
แล้วพับผ้ารอยทรงองค์อรไท
ซ่อนใส่สไบห่มปิดป้อง
มิให้ใครสงสัยในทำนอง
ทั้งสองกัลยาคลาไคล ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
     ถึงฉนวนก็ชวนกันหยุดอยู่
ตรงประตูหูช้างข้างใต้
แกล้งส่งเสียงดังกระทั่งไอ
พยักให้วิเยนเป็นสำคัญ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
วิเยนรู้แยบคายก็ผายผัน
เข้ามานั่งลงตรงที่นั้น
ไหว้สองสาวสรรค์กัลยา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
ซ่าเหง็ดบาหยันก็หรรษา
ครั้นเห็นวิเยนเข้ามา
เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร
จึ่งหยิบชานสลากับผ้าทรง
สองนางนั่งลงแล้วส่งให้
สั่งว่าข้าถวายบังคมไป
ด้วยตั้งใจจงรักภักดี
เสด็จไปอย่าได้อยู่ช้า
รีบกลับมาหมันหยากรุงศรี
จงจำถ้อยคำของข้านี้
ไปทูลภูมีดังวาจา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     บัดนั้น
วิเยนยินดีเป็นหนักหนา
คำนับรับคำแล้วอำลา
กลับมาที่อยู่พระภูมี ฯ
ฯ ๒ คำ ฯเชิด
     ครั้นถึงจึ่งถวายผ้าสไบ*
กับผอบที่ใส่ชานพระศรี
แล้วแถลงแจ้งความตามคดี
โดยที่พี่เลี้ยงสั่งมา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พระสุริย์วงศ์เทวัญหรรษา
ชื่นชมด้วยสมดังจินดา
พระราชาเสวยชานสำราญใจ
ซึ่งทรงแสนโศกสร้อยเศร้า
ค่อยบรรเทาทุกข์ทนหม่นไหม้
จึ่งหยิบผ้ารอยทรงทรามวัย
ภูวไนยเอาคลี่คลุมองค์
กลิ่นร่ำน้ำกุหลาบอาบอบ
หอมตลบจับใจใหลหลง*
คล้ายคล้ายหมายเหมือน
รูปทรงโฉมยงนงเยาว์เข้ามา
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายทายทัก
พลางพยักกวักเรียกขนิษฐา
หยุดอยู่นั่นไยไม่ไคลคลา
เชิญมาพาทีด้วยพี่ชาย
แลตะลึงแลเล็งเพ่งพิศ
เห็นผิดมิใช่นางโฉมฉาย
พระผินผันบรรทมสะเทินอาย
กรก่ายเขนยนึกจนหลับไป ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
     บัดนั้น
เสนาปาเตะผู้ใหญ่
ทั้งสี่พี่เลี้ยงภูวไนย
ออกไปเร่งรัดจัดพล ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     ยานี

     ขุนช้างผูกช้างในกลางคืน
มายืนเยียดยัดอัดถนน
บ้างขนของเครื่องอานอลวน
ประทับบนสัปคับคชา
ขุนม้าผูกม้าพาชี
เคยขี่ควบขับสำหรับขา
ขุนรถเร่งเทียมอาชา
ประทับเกยคอยท่าภูธร
ขุนพลตรวจพลนายไพร่
เจ็บปวดป่วยไข้ให้ไปก่อน
สับสนอลหม่านไม่หลับนอน
หาบคอนผ่อนล่วงแต่กลางคืน ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ
     ร่าย

     บัดนั้น
เสนานายมุลขุนหมื่น
บ้างเต้นรำทำเพลงเครงครื้น
ดีใจจะได้คืนไปพารา
ที่ป่วยเจ็บจับไข้ได้ข่าว
ก็หายหนาวไม่พักห่มผ้า
เรียกเพื่อสูบฝิ่นกินน้ำชา
พูดจาเย้าหยอกกันออกอึง
บ้างหาสิ่งของสำรองไป
จะได้ให้กำนัลกันเมียหึง
ถึงแม่ยายพ่อตาจะมึนตึง
ได้เล็กน้อยหน่อยหนึ่งก็จะคลาย
ที่มีภรรยาเป็นข้าหลวง
ก็เป็นห่วงด้วยหาของถวาย
แพรหลินเลี่ยงโผโล่ลาย
หวังจะให้เจ้านายโปรดปราน
พวกนักเลงกลองแขกก็เสาะหา
หนังแพะหนาหนาทำหน้าด่าน
ต่างคนหาของที่ต้องการ
จะไปบ้านมิให้เสียคราว
พวกสันทัดกาพย์กลอนก็นอนคิด
แต่งลิลิตโคลงกระทู้ให้ชู้สาว
บ้างทำเรื่องนิราศเพลงยาว
ว่ากล่าวบทกลอนเพราะพริ้ง
ที่มีแม่เลี้ยงก็ไปหา
อาลัยลาละห้อยอ้อยอิ่ง
ขอยืมผ้าห่มนอนวอนวิง
ทำทางเล่นทางจริงลองใจ
บรรดาโยธีทุกหมวดกอง
คับคั่งทั้งท้องถนนใหญ่
เสียงตีฆ้องกระแตแซ่ไป
นายไพร่ตรวจตราหากัน ฯ
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
     เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
ครั้นจะใกล้ไขศรีรวีวรรณ
ทรงธรรม์บรรทมตื่นฟื้นองค์
เสียงไก่กระชั้นขันขาน
แซ่ประสานสำเนียงเสียงบุหรง
เสด็จออกจากแท่นสุวรรณบรรจง
มาชำระสระสรงสินธู ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top