อิเหนาขอชานสลาและเปลี่ยนสไบของนางจินตะหรา
|
|
|
๏ บัดนั้น
|
ซ่าเหง็ดรู้กิริยาบาหยัน
|
จึ่งทูลองค์อรไทวิไลวรรณ
|
ทำเจ็บฟันปวดป่วยเป็นพ้นไป
|
รำมะนาดเจ้ากรรมทำวิบาก
|
จะเคี้ยวสลาอ้าปากก็ไม่ได้
|
จึ่งหยิบหมากมาถวายทันใด
|
ทรามวัยได้โปรดเคี้ยวประทาน
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นจินตะหราจึ่งว่าขาน
|
อะไรนี่มีแต่บอกอาการ
|
บ้างขอผ้าขอชานรำคาญใจ
|
เวทนามาเฝ้าเซ้าซี้
|
เช่นนี้น่าชังมั่งหรือไม่
|
จึ่งรับหมากมาเคี้ยวประเดี๋ยวใจ
|
แล้วส่งให้ซ่าเหง็ดด้วยเมตตา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ซ่าเหง็ดได้ประทานชานสลา
|
สะกิดเตือนบาหยันกัลยา
|
บังคมลามาจากเยาวมาลย์
|
เดินด่วนชวนกันเข้าในห้อง
|
ทั้งสองประดิษฐ์คิดอ่าน
|
เจียนตองแต่พอห่อชาน
|
ใส่ผอบเอาพานทองรอง
|
แล้วพับผ้ารอยทรงองค์อรไท
|
ซ่อนใส่สไบห่มปิดป้อง
|
มิให้ใครสงสัยในทำนอง
|
ทั้งสองกัลยาคลาไคล
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
|
๏ ถึงฉนวนก็ชวนกันหยุดอยู่
|
ตรงประตูหูช้างข้างใต้
|
แกล้งส่งเสียงดังกระทั่งไอ
|
พยักให้วิเยนเป็นสำคัญ
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
วิเยนรู้แยบคายก็ผายผัน
|
เข้ามานั่งลงตรงที่นั้น
|
ไหว้สองสาวสรรค์กัลยา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ซ่าเหง็ดบาหยันก็หรรษา
|
ครั้นเห็นวิเยนเข้ามา
|
เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร
|
จึ่งหยิบชานสลากับผ้าทรง
|
สองนางนั่งลงแล้วส่งให้
|
สั่งว่าข้าถวายบังคมไป
|
ด้วยตั้งใจจงรักภักดี
|
เสด็จไปอย่าได้อยู่ช้า
|
รีบกลับมาหมันหยากรุงศรี
|
จงจำถ้อยคำของข้านี้
|
ไปทูลภูมีดังวาจา
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
วิเยนยินดีเป็นหนักหนา
|
คำนับรับคำแล้วอำลา
|
กลับมาที่อยู่พระภูมี
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯเชิด
|
๏ ครั้นถึงจึ่งถวายผ้าสไบ*
|
กับผอบที่ใส่ชานพระศรี
|
แล้วแถลงแจ้งความตามคดี
|
โดยที่พี่เลี้ยงสั่งมา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระสุริย์วงศ์เทวัญหรรษา
|
ชื่นชมด้วยสมดังจินดา
|
พระราชาเสวยชานสำราญใจ
|
ซึ่งทรงแสนโศกสร้อยเศร้า
|
ค่อยบรรเทาทุกข์ทนหม่นไหม้
|
จึ่งหยิบผ้ารอยทรงทรามวัย
|
ภูวไนยเอาคลี่คลุมองค์
|
กลิ่นร่ำน้ำกุหลาบอาบอบ
|
หอมตลบจับใจใหลหลง*
|
คล้ายคล้ายหมายเหมือน
|
รูปทรงโฉมยงนงเยาว์เข้ามา
|
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายทายทัก
|
พลางพยักกวักเรียกขนิษฐา
|
หยุดอยู่นั่นไยไม่ไคลคลา
|
เชิญมาพาทีด้วยพี่ชาย
|
แลตะลึงแลเล็งเพ่งพิศ
|
เห็นผิดมิใช่นางโฉมฉาย
|
พระผินผันบรรทมสะเทินอาย
|
กรก่ายเขนยนึกจนหลับไป
ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
เสนาปาเตะผู้ใหญ่
|
ทั้งสี่พี่เลี้ยงภูวไนย
|
ออกไปเร่งรัดจัดพล
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
ยานี
|
|
๏ ขุนช้างผูกช้างในกลางคืน
|
มายืนเยียดยัดอัดถนน
|
บ้างขนของเครื่องอานอลวน
|
ประทับบนสัปคับคชา
|
ขุนม้าผูกม้าพาชี
|
เคยขี่ควบขับสำหรับขา
|
ขุนรถเร่งเทียมอาชา
|
ประทับเกยคอยท่าภูธร
|
ขุนพลตรวจพลนายไพร่
|
เจ็บปวดป่วยไข้ให้ไปก่อน
|
สับสนอลหม่านไม่หลับนอน
|
หาบคอนผ่อนล่วงแต่กลางคืน
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
ร่าย
|
|
๏ บัดนั้น
|
เสนานายมุลขุนหมื่น
|
บ้างเต้นรำทำเพลงเครงครื้น
|
ดีใจจะได้คืนไปพารา
|
ที่ป่วยเจ็บจับไข้ได้ข่าว
|
ก็หายหนาวไม่พักห่มผ้า
|
เรียกเพื่อสูบฝิ่นกินน้ำชา
|
พูดจาเย้าหยอกกันออกอึง
|
บ้างหาสิ่งของสำรองไป
|
จะได้ให้กำนัลกันเมียหึง
|
ถึงแม่ยายพ่อตาจะมึนตึง
|
ได้เล็กน้อยหน่อยหนึ่งก็จะคลาย
|
ที่มีภรรยาเป็นข้าหลวง
|
ก็เป็นห่วงด้วยหาของถวาย
|
แพรหลินเลี่ยงโผโล่ลาย
|
หวังจะให้เจ้านายโปรดปราน
|
พวกนักเลงกลองแขกก็เสาะหา
|
หนังแพะหนาหนาทำหน้าด่าน
|
ต่างคนหาของที่ต้องการ
|
จะไปบ้านมิให้เสียคราว
|
พวกสันทัดกาพย์กลอนก็นอนคิด
|
แต่งลิลิตโคลงกระทู้ให้ชู้สาว
|
บ้างทำเรื่องนิราศเพลงยาว
|
ว่ากล่าวบทกลอนเพราะพริ้ง
|
ที่มีแม่เลี้ยงก็ไปหา
|
อาลัยลาละห้อยอ้อยอิ่ง
|
ขอยืมผ้าห่มนอนวอนวิง
|
ทำทางเล่นทางจริงลองใจ
|
บรรดาโยธีทุกหมวดกอง
|
คับคั่งทั้งท้องถนนใหญ่
|
เสียงตีฆ้องกระแตแซ่ไป
|
นายไพร่ตรวจตราหากัน
ฯ
|
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
|
ครั้นจะใกล้ไขศรีรวีวรรณ
|
ทรงธรรม์บรรทมตื่นฟื้นองค์
|
เสียงไก่กระชั้นขันขาน
|
แซ่ประสานสำเนียงเสียงบุหรง
|
เสด็จออกจากแท่นสุวรรณบรรจง
|
มาชำระสระสรงสินธู
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment