อิเหนาพบนางจินตะหราที่พระเมรุ
|
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีศรีใส
|
ครั้นค่ำคำนึงถึงทรามวัย
|
ภูวไนยนิ่งนึกตรึกตรา
|
จะเข้าไปคอยอยู่ที่พระศพ
|
จะได้พบพุ่มพวงดวงยิหวา
|
คิดพลางย่างเยื้องลีลา
|
เข้ามาเมรุสุวรรณชั้นใน
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
|
๏ ครั้นถึงจึ่งถวายอัญชลี
|
พระศพอัยกีเป็นใหญ่
|
จึ่งจุดธูปเทียนทันใด
|
ด้วยใจเคารพบูชา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ สาธุการ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
|
สถิตยังสุวรรณพลับพลา
|
ครั้นสิ้นแสงสุริยาเวลาพลบ
|
จึงชวนพระธิดายาใจ
|
จะเข้าไปทักษิณพระศพ
|
โขลนจ่าข้าหลวงวิ่งกระทบ
|
จุดคบโคมส่องเสด็จมา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
|
๏ ครั้นถึงบริเวณพระเมรุใหญ่
|
เห็นนายไพร่พร้อมพรั่งนั่งรักษา
|
จึงหยุดยืนอยู่แทบทวารา
|
ทั้งสองกษัตราไม่คลาไคล
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
นางโขลนผู้มีอัชฌาสัย
|
วิ่งวางมาขับฉับไว
|
พวกผู้ชายออกไปเสียให้พ้น
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีแจ้งเหตุผล
|
จึ่งขับเสนาสามนต์
|
ผู้คนทั้งนั้นออกมา
|
แต่องค์เดียวเสด็จจรจรัล
|
ไปรับประหมันด้วยหรรษา
|
น้อมองค์ลงถวายวันทา
|
แล้วแลดูจินตะหราวาตี
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
|
จึ่งตรัสชวนองค์ระเด่นมนตรี
|
มาทักษิณอัยกีด้วยกัน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเกษมสันต์
|
สมคิดดังจิตผูกพัน
|
จึงเสด็จจรจรัลตามมา
|
พระแสร้งทำทักษิณไปพลาง
|
ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา
|
แสงเพลิงส่องจับกับพักตรา
|
โสภาเพียงบุหลันลอยโพยม
|
ดูไหนให้เพลินจำเริญจิต
|
ยิ่งคิดพิสมัยที่ในโฉม
|
ครั้นตึงช่องกลางหว่างโคม
|
ลำลำจะใคร่โลมนางเทวี
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นจินตะหรามารศรี
|
ดำเนินเดินเคียงพระภูมี
|
ทำท่วงทีอายเอียงเมียงเมิน
|
แลสบหลบเนตรเชษฐา
|
กัลยายิ่งระทวยขวยเขิน
|
ให้อดสูจิตคิดสะเทิน
|
พลางเดินก้มพักตร์ทักษิณไป
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีศรีใส
|
เห็นท่วงทีอิเหนาก็เข้าใจ
|
ทำเมินเดินไปไม่นำพา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
พี่เลี้ยงกำนัลในซ้ายขวา
|
แจ้งใจในทีกิริยา
|
ชายตาดูองค์พระทรงธรรม์
|
เห็นดำเนินเดินชิดพระธิดา
|
กิริยาแยบคายคมสัน
|
บ้างบอกเพื่อนสนิทสะกิดกัน
|
นางกำนัลซุบซิบกระหยิบตา
|
ที่มีอัชฌาสัยมิใคร่เดิน
|
ทำเมินยิ้มละไมอยู่ในหน้า
|
บ้างรอรั้งยั้งยืนพูดจา
|
ตามเสด็จเดินมาแต่ไกลไกล
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีศรีใส
|
เดินเคียงกัลยาคลาไคล
|
เห็นนางห่างไกลพระชนนี
|
จึงเอาพลูรอยกัดซัดต้ององค์
|
โฉมยงสะดุ้งเดินเมินหนี
|
พระรีบไปพลันทันเทวี
|
ภูมียิ้มพรายชายตา
|
เห็นนางเดินเมินเมียงเลี่ยงหลบ
|
พระแกล้งทำกระทบอังสา
|
นาสิกสูดรสสุคนธา*
|
กัลยาเคืองค้อนงอนงาม
|
แต่เวียนวงทักษิณรอบพระศพ
|
จนจบถ้วนครบคำรบสาม
|
ให้อาลัยที่จะไกลนงราม
|
ด้วยความปฏิพัทธ์พันทวี
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
|
ครั้นเสร็จทักษิณศพพระอัยกี
|
ก็จรลีมาสุวรรณพลับพลา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ท้าวเจ้าเมืองหมันหยา
|
สมโภชพระศพเสร็จเจ็ดทิวา
|
ครั้นเพลาบ่ายแสงสุริยง
|
จึ่งให้เชิญพระโกศทองลองใน
|
ขึ้นใส่เชิงตะกอนสูงส่ง
|
พร้อมพระมเหสีสุริย์วงศ์
|
ทั้งองค์อิเหนานัดดา
|
ต่างถือธูปเทียนดอกไม้
|
เข้าไปประนมน้อมพร้อมหน้า
|
จบพระหัตถ์มัสการขอสมา
|
อย่าให้มีเวราสืบไป
|
ครั้นเสร็จจึ่งจุดเพลิงพลัน*
|
สารพันเครื่องหอมซัดใส่
|
คับคั่งทั้งข้างหน้าข้างใน
|
ต่างคนเข้าไปจุดอัคคี
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ ปี่กลอง
|
๏ เมื่อนั้น
|
โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
|
ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี
|
ดูเปลวอัคคีชัชวาล
|
นางยิ่งระทดสลดจิต
|
อาลัยให้คิดสงสาร
|
ต่างองค์ยกหัตถ์มัสการ
|
เยาวมาลย์ข้อนทรวงเข้าโศกา
ฯ
|
โอ้บูชากณฑ์ ฯ ๔ คำ ฯ โอด
|
โอ้บูชากนฑ์*
|
|
๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมเอ๋ย
|
พระคุณเคยปกเกล้าเกศา
|
เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา
|
ไม่นิราศคลาดคลาสักคืนวัน
|
พระพี่นางทั้งสองมาเชิญไป
|
ก็มิได้จำนงผายผัน
|
เพราะรักใคร่ในลูกผูกพัน
|
ประโลมเลี้ยงหลานขวัญทุกเวลา
|
ทีนี้ตั้งแต่จะแลลับ
|
ที่ไหนจะได้กลับมาเห็นหน้า
|
ร่ำพลางนางทรงโศกา
|
กัลยาเพียงจะสิ้นสมประดี
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
|
ร่าย
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระผู้ผ่านหมันหยากรุงศรี
|
ครั้นเสด็จส่งสักการพระอัยกี
|
ภูมีสร้อยเศร้าเปล่าวิญญาญ์
|
จึ่งชวนมเหสีโฉมยง
|
กับองค์บุตรีเสนหา
|
พร้อมฝูงกำนัลกัลยา
|
ลีลาเข้ายังวังใน
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีศรีใส
|
ครั้นท้าวหมันหยาคลาไคล
|
ก็กลับไปที่อยู่พระภูธร
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
๏ ครั้นถึงห้องสุวรรณบรรจง
|
ทอดองค์ลงกับที่บรรจถรณ์
|
ถวิลถึงวนิดายิ่งอาวรณ์
|
พลางสะท้อนถอนใจไปมา
|
กรกอดเขนยข้างไว้หว่างทรวง
|
สำคัญว่าพุ่มพวงดวงยิหวา
|
เคลิ้มเคล้นเหมือนจะเห็นกัลยา
|
พระหลงใหลไขว่คว้าม่านมอง
|
ครั้นรู้สึกสมประดีว่ามิใช่
|
ก็เศร้าเสียพระทัยหม่นหมอง
|
ให้โศกศัลย์รัญจวนถึงนวลน้อง
|
นิ่งตรึกตรองจนหลับไป
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูหมันหยาเป็นใหญ่
|
ครั้นรุ่งสางสร่างแสงอโณทัย
|
ภูวไนยแต่งองค์อลงกร
|
ครั้นเสร็จเสด็จจรลี
|
มายังที่เกยลาหน้าฉาน
|
ขึ้นทรงยานุมาศสามคาน
|
พนักงานแห่แหนแน่นนันต์
|
องค์ประไหมสุหรีกับธิดา
|
เสด็จมาในแนวฉนวนกั้น
|
ระเด่นมนตรีกุเรปัน
|
ก็ตามมาเมรุสุวรรณบรรจง
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงจึงชวนพระวงศา
|
เขี่ยหาพระธาตุกวาดเผ้าผง
|
เก็บได้ใส่ขันสุวรรณลง
|
โสรจสรงสุคนธาวารี
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นจินตะหรามารศรี
|
เขี่ยหาพระธาตุอัยกี
|
เทวีพลางทรงโศกาลัย
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีศรีใส
|
เห็นนางหยิบลงที่แห่งใด
|
ภูวไนยหยิบลงที่ตรงนั้น
|
พระกรกระทบกรนางเทวี
|
ทำทีแยบคายคมสัน
|
แล้วแสร้งทรงโศกาจาบัลย์
|
มิให้สองประหมันกินใจ
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระผู้ผ่านหมันหยาเป็นใหญ่
|
เสร็จสรงพระธาตุทันใด
|
ใส่ในโกศรัตน์ชัชวาล
|
ให้เชิญเข้าไปในวัง
|
สถิตยังปราสาทราชฐาน
|
และสั่งให้ลอยพระอังคาร
|
ตามจารีตบุราณแต่ก่อนมา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
เสนีรับสั่งใส่เกศา
|
มาจัดแจงแต่งตามพระบัญชา
|
ชาวมาลาไปกวาดพระอังคาร
|
เอาห่อหุ้มคลุมผ้าโขมพัตถ์
|
แล้วผูกรัดพันเข้าทั้งเถ้าถ่าน
|
ใส่ในขันทองรองพาน
|
เชิญขึ้นพระยานุมาศมา
|
คู่แห่แต่ล้วนใส่ลำพอก
|
พนมมือถือดอกบุปผา
|
เสียงประโคมฆ้องกลองก้องโกลา
|
แห่ไปยังท่าชลาลัย
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน
|
๏ ครั้นถึงตะพานเหนือตำหนักแพ
|
เรือแห่ธงทิวปลิวไสว
|
จึงเชิญพระอังคารลงไป
|
เรือที่นั่งเอกชัยฉับพลัน
|
พลพายนั่งพายเป็นคู่คู่
|
ใส่เสื้อปัศตูดูขบขัน
|
เรือขุนนางเรือที่นั่งดั้งกัน
|
แห่แหนแน่นันต์นทีธาร
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ ครั้นถึงกึ่งกลางสายชล
|
เป็นวังวนกว้างใหญ่ไพศาล
|
ชาวภูษามาลาพนักงาน
|
ก็เชิญพระอังคารลอยลง
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูหมันหยาสูงส่ง
|
ครั้นเสร็จถวายพระเพลิงปลง
|
จึ่งชวนองค์ระเด่นมนตรี
|
จะไปสรงสนานภราญใจ
|
ที่สระใหญ่อยู่นอกกรุงศรี
|
ตามอย่างทางราชประเพณี
|
กษัตราธิบดีสืบมา
|
ว่าแล้วลีลาคลาไคล
|
เสนาในแห่แหนแน่นหนา
|
องค์ประไหมสุหรีศรีโสภา
|
กับธิดาเสด็จตามกันไป
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment