อิเหนาเห็นนางจินตะหรา
|
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเรืองศรี
|
จึงถวายอภิวันท์อัญชลี
|
องค์ประไหมสุหรีศรีโสภา
|
แล้วทำทีมิให้ใครสังเกต
|
ชำเลืองเนตรดูระเด่นจินตะหรา
|
งามงอนอ่อนจริตกิริยา
|
ลักขณาเลิศล้ำนารี
|
พิศพักตร์งามพักตร์ผุดผ่อง
|
ผิวเนื้อนวลละอองสองสี
|
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์
|
ภูมีดูนางไม่วางตา
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
|
พินิจพิศพักตร์พระนัดดา
|
กัลยาแย้มพรายทายทัก
|
แต่เจ้ากำเนิดเกิดมา
|
ถึงเพียงนี้น้าพึ่งรู้จัก
|
ทรงโฉมประโลมเลิศลักษณ์
|
สมศักดิ์สุริย์วงศ์เทวัญ
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
|
จึงทูลว่าข้าคิดอยู่ก่อนนั้น*
|
จะใคร่มาอภิวันท์พระบาทา
|
พึ่งจะสมจินดาครานี้
|
มีความยินดีเป็นหนักหนา
|
ทูลพลางชำเลืองนัยนา
|
ดูระเด่นจินตะหราด้วยใจรัก
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
จินตะหราวาตีมีศักดิ์
|
เห็นอิเหนาเฝ้าดูอดสูนัก
|
นงลักษณ์แอบหลังพระชนนี
|
พลางชม้ายชายเนตรดูเชษฐา
|
นัยนาแลสบก็หลบหนี
|
หมอบเมียงเอียงอายเป็นท่วงที
|
เทวีขวยเขินสะเทินใจ
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีศรีใส
|
จึงตรัสแก่ธิดาทันใด
|
เป็นไรไม่ไหว้พี่ยา
|
จงฝากตัวไว้ให้รู้จัก
|
จะได้พึ่งพำนักในภายหน้า
|
อันองค์อิเหนานัดดา
|
ก็แก่เดือนกว่าเทวี
|
อย่าทำกระแหน่แง่งอน
|
อะหนะก็อ่อนกว่าพี่
|
มิใช่ว่าอื่นไกลหาไหนมี
|
เจ้าจงอัญชลีพี่ยา
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา
|
ฟังพระชนนีตรัสมา
|
กัลยาอายเอียงเมียงมัน
|
เหลือบไปปะเนตรภูวไนย
|
ยิ่งสะเทินฤทัยไหวหวั่น
|
อุตส่าห์ขืนอารมณ์บังคมคัล
|
อิเหนากุเรปันแล้วก้มพักตร์
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีมีศักดิ์
|
เหลือบไปรับไหว้นางนงลักษณ์
|
พิศพักตร์ผิวเนื้อนวลละออง
|
ลำลำจะใคร่ตรัสปราศรัย
|
แต่หากเกรงท้าวไททั้งสอง
|
ให้คิดพิสมัยใจปอง
|
พระนิ่งตรึกตรองไปมา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
|
เห็นอิเหนาเฝ้าดูธิดา
|
ก็แจ้งในกิริยาอาการ
|
พระแสร้งทำเฉยเชือนเหมือนไม่รู้
|
ยิ้มอยู่ในหน้าไม่ว่าขาน
|
นิ่งนึกตรึกตราไปช้านาน
|
แล้วภูบาลบัญชาพาที
|
สั่งประไหมสุหรีมีศักดิ์
|
ว่าหลานรักมาอยู่ในกรุงศรี
|
จงแต่งโภชนาสาลี
|
ให้นารีไปส่งจงทุกวัน
|
สั่งพลางทางตรัสแก่นัดดา
|
วันนี้เหนื่อยมาจงผายผัน
|
ไปหยุดพักอยู่ตำหนักประเสบัน
|
ให้ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์สำราญ
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีได้ฟังสาร
|
จึงบังคมก้มพักตร์พจมาน
|
จวนเย็นแล้วหลานจะทูลลา
|
พระคลานคล้อยถอยองค์ออกมาพลาง
|
ชำเลืองเนตรดูนางจินตะหรา
|
องค์อ่อนถอนฤทัยไปมา
|
แล้วลีลาลงจากอัฒจันทร์
|
ชวนระเด่นดาหยนยุรยาตร
|
มาทรงอัศวราชผายผัน
|
ทวยหาญแห่แหนแน่นนันต์
|
ไปยังประเสบันอากง
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงลงจากอัสดร
|
กรายกรยุรยาตรดังราชหงส์
|
เข้าในห้องสุวรรณบรรจง
|
ทอดองค์ลงกับที่ไสยา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
ช้า
|
|
๏ พระยอกรก่ายวิลาสพาดพักตร์
|
ถวิลถึงน้องรักจินตะหรา
|
โฉมงามทรามสวาทเพียงบาดตา
|
ใต้ฟ้าหาไหนไม่ทัดเทียม
|
งามจริตกิริยาเป็นน่าชม*
|
แต่บังคมพี่ชายก็อายเหนียม
|
ที่ลอบแลโฉมน้องลองเลียม
|
งามเสงี่ยมเจียมจิตพี่ติดใจ
|
เมื่อชม้ายมาสบหลบเนตรหนี
|
ท่วงทีที่ทำยังจำได้*
|
ยิ่งแสนเสน่หาอาลัย
|
เร่าร้อนฤทัยเกรียมตรม
|
จะผ่อนผันฉันใดนะอกเอ๋ย
|
จะได้เชยชวนชิดสนิทสนม
|
แต่ระลึกตรึกตราเป็นอารมณ์
|
จนบรรทมหลับไปกับไสยา
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
ตระ
|
๏ บัดนั้น
|
เสนีสี่นายทั้งซ้ายขวา
|
ให้จับการทุกด้านดังบัญชา
|
ตรวจตราหน้าที่ทำพระเมรุ
|
ลากเสาเข้าที่ทั้งสี่ต้น
|
ผู้คนอึงอัดขัดเขมร
|
บ้างขุดหลุมลงลุยคุ้ยเลน
|
บ้างกะเกณฑ์กันตั้งนั่งร้าน*
|
เอาเชือกผูกแทงทบครบเสา
|
ได้ฤกษ์เร่งคนเข้าขันกว้าน
|
ตั้งไม้ใช้เดินรอกตะพาน*
|
คนประจำทำงานไม่เงือดงด
|
พวกทำเมรุทิศทั้งนั้น
|
ก็พร้อมกันยกตั้งขึ้นทั้งหมด
|
ติดตะม่อสองชั้นเป็นหลั่นลด
|
นายช่างกำหนดอำนวยการ
|
เจ้าหน้าที่สามส้างต่างมาจับ
|
ชักระดับปลายเสาเสมอสมาน
|
บ้างใส่สอดรอดพรึงตรึงกระดาน
|
เสียงสิ่วเสียงขวานอึงอล
ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment