งานพระเมรุที่เมืองหมันหยา
|
|
|
๏ บัดนั้น
|
พวกวิเสทแต่งสำรับสับสน
|
ครั้นเพลาจวนเที่ยงจะเลี้ยงคน
|
ก็รีบร้นขนสำรับมาฉับไว
|
กรมวังนั่งถ่ายให้นายด้าน
|
พวกทำการเมรุทิศเมรุใหญ่
|
ข้าวกระทงส่งมาแต่ข้างใน
|
เจ้าขรัวนายเกณฑ์ให้ทำทุกเรือน
|
ประชาชนชายหญิงเอาสิ่งของ
|
มาถวายกรายกองไว้กล่นเกลื่อน
|
แจกให้ไพร่สมระดมเดือน
|
ทั้งทหารพลเรือนทั่วกัน
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
|
๏ บัดนั้น
|
เสนีสี่ตำรวจกวดขัน
|
นายด้านทำการพระเมรุนั้น
|
ทั้งกลางคืนกลางวันเร่งรัด
|
ให้ยกดูกผูกเชือกแย่งระยาง
|
ยอดปรางค์นภศูลสวมฉัตร
|
สำรวจในไม้สูงสันทัด
|
ขึ้นผูกแผงผัดจัดกระจัง
|
ติดชั้นเชิงบาตรบัวหงาย
|
เรียงรายเทพประนมยืนนั่ง
|
บัญชรชัชวาลบานบัง
|
ฝาผนังหลังคากระยารงค์
|
พนักงานด้านทำพระเมรุทอง
|
ก็ติดตัวลำยองหางหงส์
|
หน้ากระดานฐานปัทม์ไม่ขัดทรง
|
บรรจงตั้งเครื่องพระเบญจา
|
เพดานดาราระย้าย้อย
|
ผูกห้อยภู่พวงบุปผา
|
ฉากกระจกยกตั้งบังตา
|
แต่งที่เป็นข้างหน้าข้างใน
|
บ้างตั้งไม้กระถางวางรูปสัตว์*
|
รอบจังหวัดบริเวณพระเมรุใหญ่
|
รูปกินนรอ้อนแอ่นเอาใจ
|
วางไว้ริมมุขทุกทิศ*
|
ซุ้มดอกไม้รุ่งรายซ้ายขวา
|
โคมระย้าหลายลูกผูกติด
|
ราชวัติทึบตั้งบังมิด
|
ฉัตรเงินทองปิดน้ำตะกู
|
บ้างยกฉัตรเบญจรงค์เรียงเรียบ
|
เสาตะเกียบปักเคียงเป็นคู่คู่
|
ยักษ์โตตั้งวางข้างประตู
|
ยืนอยู่หูตาน่ากลัว
|
บ้างทำโรงหุ่นโขนช่องระทา
|
ขึ้นหลังคาดาดแผงผูกจั่ว
|
ปลูกศาลาฉ้อทานทำครัว
|
เสร็จทั่วทุกตำแหน่งแต่งไว้
ฯ
|
ฯ ๑๘ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ฝ่ายเจ้าพนักงานน้อยใหญ่
|
ครั้นจวนกำหนดไม่นอนใจ
|
ก็ตระเตรียมเทียมพิชัยราชรถ
|
รถใหญ่สำหรับใส่พระโกศทอง*
|
เรืองรองรจนาปรากฏ*
|
รถโยงปรายข้าวตอกเป็นหลั่นลด*
|
รถอ่านหนังสือรถใส่ท่อนจันทน์
|
เกณฑ์ไพร่ไว้สำหรับชักฉุด
|
ใส่เสื้อเสนากุฎขบขัน
|
ที่บ่าวไพร่ใครช้ามาไม่ทัน*
|
ก็พากันวิ่งวุ่นทุกมุลนาย
|
บรรดาหมู่คู่แห่เข้ากระบวน
|
ก็มาถ้วนตามบัญชีซึ่งมีหมาย
|
ล้วนใส่เสื้อครุยกรุยกราย
|
สมปักลายลำพอกถือดอกบัว
|
คนชักรูปสัตว์จัดหนุ่มหนุ่ม
|
ใส่ศีรษะโมงครุ่มครอบหัว
|
ทับทรวงสังวาลลอดสอดพันพัว
|
แต่งตัวนุ่งตาโถงโจงกระเบน
|
กิดาหยันจัดกันตามตำแหน่ง
|
เชิญพระแสงหอกดาบดั้งเขน
|
ตั้งตาริ้วรายไปใกล้พระเมรุ
|
พรั่งพร้อมตามเกณฑ์ทั้งไพร่นาย
ฯ
|
ฯ ๑๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ประชาชนพลเมืองทั้งหลาย
|
จะดูชักพระศพตบแต่งกาย*
|
หญิงชายโอ่อวดประกวดกัน
|
บรรดาเหล่าชาวบางบ้านไกล
|
ก็ลงเรือรีบไปแต่ไก่ขัน
|
เร่งพายเตือนผัวกลัวไม่ทัน
|
ทุ่มเถียงทะเลาะกันมากลางทาง
|
ที่บ้านอยู่คนละฟากอยากจะดู
|
แต่เช้าตรู่ก็ลงมาท่าเรือจ้าง
|
ให้เบี้ยเขาข้ามส่งตรงท่าช้าง
|
บ้างยังค้างคอยอยู่กู่ตะโกน
|
พวกเมียขุนนางต่างแต่งแง่
|
มาคอยดูอยู่ที่แคร่หน้าโรงโขน
|
ปะชายขายหน้าประสาโลน
|
ทำเมินเดินโดนผู้หญิงไป
|
ชาวแพแม่ค้าพาลูกเต้า
|
ผัวพวกนายสำเภาเป็นจีนใหม่
|
พูดจาไม่ชัดสันทัดไทย
|
นั่งไหนหนุ่มหนุ่มก็ล้อมอึง
|
เมียน้อยเจ้าภาษีมิใช่ชั่ว
|
หน้าเป็นเล่นตัวจนผัวหึง
|
พวกกินเหล้าเมามาหน้าตึง
|
ปากโป้งโผงผึงอวดตน
|
เห็นสาวสาวที่ไหนชุมเข้ากลุ้มกลัด
|
แทรกสกัดกั้นกางขวางถนน
|
ตำรวจในไล่ตีผู้คน*
|
สับสนอลหม่านไปมา
ฯ
|
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
|
ครั้นแสงทองส่องสว่างกระจ่างฟ้า
|
เสด็จมาสรงชลฉับพลัน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
๏ ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา
|
สอดใส่สนับเพลาลายกระสัน
|
ทรงภูษาพื้นขาวเขียนสุวรรณ
|
เกรียวกรวยสามชั้นบรรจงโจง
|
ฉลององค์โหมดเทศทองอร่าม
|
อินทรธนูดูงามอ่าโถง
|
เจียระบาดตาดเงินเงาโง้ง*
|
ปั้นเหน่งลายปรุโปร่งประดับพลอย
|
กรองศอสังเวียนวิเชียรช่วง
|
ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย
|
ทองกรจำหลักเป็นรักร้อย
|
ธำมรงค์เพชรพลอยร่วงรุ้ง
|
กรรเจียกแก้วแพรวพรายทั้งซ้ายขวา
|
ทรงชฎาห้ายอดสอดสะดุ้ง
|
ห้อยอุบะตันหยงส่งกลิ่นฟุ้ง
|
ครั้นรุ่งก็เสด็จจรจรัล
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
|
ร่าย
|
|
๏ มายังเกยมณีที่ข้างหน้า*
|
พระราชาขึ้นทรงอุสงหงัน*
|
เสนีแห่แหนแน่นนันต์
|
อิเหนากุเรปันก็ตามไป
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงหยุดประทับพลับพลา
|
พร้อมหมู่มาตยาน้อยใหญ่
|
หมอบเฝ้าคอยฟังรับสั่งใช้
|
ตำรวจในพิทักษ์รักษาองค์
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ประไหมสุหรีมีศักดิ์สูงส่ง
|
ชวนระเด่นจินตะหราโฉมยง
|
มาทรงวอสุวรรณกั้นกลาง
|
เสด็จโดยฉนวนในไคลคลา
|
โขลนจ่าร้องให้ปิดประตูข้าง
|
พร้อมหมู่สาวสวรรค์กำนัลนาง
|
ต่างต่างตามเสด็จจรลี
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงจึงชวนพระธิดา
|
หยุดประทับพลับพลาหลังคาสี
|
คอยดูชักศพพระอัยกี
|
เลิกมู่ลี่แลลอดสอดตา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
เสนีธิบดีซ้ายขวา
|
เร่งรัดจัดถ้วนกระบวนตรา
|
พอเวลาไขสีรวีวรรณ
|
จึงให้เชิญพระศพในปราสาท
|
ขึ้นสู่ยานุมาศผายผัน
|
เกณฑ์แห่แห่แหนแน่นนันต์
|
มายังเกยสุวรรณที่ประทับ
|
พนักงานเชิญพระโกศขึ้นตั้ง
|
บนบัลลังก์รถทรงเสร็จสรรพ
|
คู่แห่แตรสังข์คั่งคับ
|
เป็นลำดับเดินโดยมรคา
|
เชื้อพระวงศ์ทรงรถเรืองรอง
|
มือถือแว่นทองซองสลา
|
โขมพัตถ์พับยาวโยงมา
|
พาดเหนืออังสาทรงไว้
|
รถพระวงศ์เชื้อสายปรายข้าวตอก
|
ใส่ชฎาลำพอกดอกไม้ไหว
|
รถบีกูดูหนังสืออ่านไป
|
รถหลังตั้งเนื้อไม้ท่อนจันทน์
|
เครื่องสูงเคียงคู่ทั้งสองข้าง
|
พระกลดหักทองขวางกางกั้น
|
อินทร์พรหมพร้อมเพรียงเรียงกัน
|
เสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นไป
|
รูปสัตว์สิ่งละคู่ดูต่างต่าง
|
ตามตำแหน่งขุนนางน้อยใหญ่
|
บุษบกบัลลังก์ตั้งผ้าไตร
|
ชักไปเป็นขนัดอัดมา*
|
ระเด่นดาหยนสุริย์วงศ์
|
ทั้งเผ่าพงศ์ประยูรในหมันหยา
|
ต่างองค์ทรงเครื่องใส่ชฎา
|
ขี่ม้าตามไปในกระบวน
ฯ
|
ฯ ๑๖ คำ ฯ กลองโยน
|
๏ บัดนั้น
|
หญิงชายหนุ่มสาวชาวเรือกสวน
|
ลูกเต้าหลานเหลนอยู่เป็นพรวน
|
เห็นกระบวนแห่หน้ามาแต่ไกล
|
พวกผู้หญิงชิงช่องราชวัติ
|
ด่าทอพ้อตัดผลักไส
|
บ้างลุกขึ้นชี้หน้าแล้วว่าไป
|
ทำไมตะกายเอานายกู
|
ลูกผัวพี่น้องทั้งสองข้าง
|
วิ่งวางเข้าช่วยเหมือนมวยหมู่
|
พวกผู้ชายเฮฮาเข้ามาดู
|
ตำรวจในไล่ขู่ห้ามปราม
|
ผู้คนคั่งคับนับแสน
|
นับแน่นไปทั้งท้องสนาม
|
บ้างชมรถรัตน์สารพัดงาม
|
พระโกศทองอร่ามรูจี
|
ท้าวนางข้างในออกไปดู
|
นั่งอยู่หน้าพลับพลาหลังคาสี
|
บ้างพูดถึงครั้งการบ้านเมืองดี
|
ว่างามยิ่งกว่านี้มากมาย
|
เมียขุนนางลางคนติผัว
|
แต่งตัวใส่ลำพอกพานจะหงาย
|
สะกิดเพื่อนเตือนให้ดูท่านผู้ชาย
|
แย้มยิ้มพริ้มพรายไปมา
ฯ
|
ฯ ๑๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พวกพระวงศ์พงศ์พันธุ์ในหมันหยา
|
ทั้งขุนนางข้างภูษามาลา
|
ครั้นพระศพชักมาถึงพระเมรุ*
|
ให้เชิญโกศลงจากบุษบก
|
พยุงยกฮึดฮัดขัดเขมร
|
ใส่ที่นั่งบัลลังก์ราเชนทร์
|
เวียนรอบบริเวณพระเมรุมา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯกลองโยน
|
๏ ครั้นครบคำรบสามตามธรรมเนียม
|
พนักงานคอยเตรียมอยู่พร้อมหน้า
|
จึงเชิญพระโกศแก้วแววฟ้า
|
ขึ้นตั้งบนเบญจาห้าชั้น
|
พวกประโคมสังข์แตรแซ่เสียง
|
สำเนียงกลองชนะครื้นครั่น
|
ชาววังชักรูดพระสูตรสุวรรณ
|
บังแสงสุริยันตรัสไตร
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูหมันหยาเป็นใหญ่
|
ชวนอิเหนานัดดาคลาไคล
|
เข้าไปในพระเมรุรจนา
|
ครั้นถึงจึงบังคมเคารพ
|
พระศพอัยกีนาถา
|
แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชา
|
เครื่องสุวรรณบุปผามาลี
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ สาธุการ
|
๏ เมื่อนั้น
|
โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
|
ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี
|
จรลีมายังพระเมรุทอง
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ จึงจุดธูปเทียนนมัสการ
|
เยาวมาลย์กำสรดเศร้าหมอง
|
สาวสนมกรมในเนืองนอง
|
ฟูมฟายชลนัยน์จาบัลย์
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์*
|
ให้สังฆการีนิมนต์พระนักธรรม์
|
พร้อมกันเข้ามาสดับปกรณ์
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
|
๏ แล้วถวายวัตถุไทยทาน
|
บริขารเสื่อร่มพรมหมอน
|
โสมนัสศรัทธาสถาวร
|
ภูธรเสด็จกลับมาพลับพลา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
๏ นั่งเหนือพระยี่ภู่ปูลาด
|
หมู่อำมาตย์เฝ้าแหนแน่นหนา
|
ประชาชนกล่นเกลื่อนกันมา
|
จึงตรัสสั่งเสนาให้ทิ้งทาน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
เสนีที่เฝ้าอยู่หน้าฉาน*
|
รับสั่งแล้ววิ่งไปลนลาน
|
โบกมือให้ทิ้งทานโปรยปราย
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ขุนหมื่นชาวคลังทั้งหลาย
|
นั่งประจำกำมพฤกษ์รอบราย
|
ต่างถวายบังคมแล้วขึ้นทิ้ง
|
ผู้คนคั่งคับสับสน
|
ปนละวนวุ่นวายทั้งชายหญิง
|
บ้างโดดโลดลอยคอยชิง
|
ชูสวิงร่มรับลูกมะนาว
|
บ้างตบมือเพรียกเรียกร้อง
|
ไล่ตะครุบทุบถองกันอื้อฉาว
|
เป็นหมู่หมู่วิ่งกรูเกรียวกราว
|
ประชาชาวบุรีปรีดา
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
|
๏ บัดนั้น
|
พนักงานการเล่นทุกภาษา
|
ทั้งหุ่นโขนโรงใหญ่ช่องระทา
|
มานอนโรงคอยท่าแต่ราตรี
|
ครั้นพระศพชักมาถึงหน้าเมรุ
|
ก็โห่ฉาวกราวเขนขึ้นอึงมี่
|
ต่างเล่นเต้นรำทำท่วงที
|
เสียงฆ้องกลองตีทุกโรงงาน
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ บัดนั้น
|
ฝูงประชามาสิ้นทุกถิ่นฐาน*
|
พวกผู้หญิงสาวสาวชาวร้าน
|
เดินเที่ยวดูงานพล่านไป
|
นักเลงเหล่าเจ้าชู้ฉุยฉาย
|
นุ่งรายฉีกผ้าดัดตัดผมใหม่*
|
ดัดจริตปิดขมับทาไพล
|
ห่มแพรหนังไก่สองเพลาะ
|
เห็นสาวสาวเหล่าเข้าหลวงเรือนนอก
|
สะกิดบอกเพื่อนกันคนนั้นเหมาะ
|
บ้างเดินเวียนแวดวายชายร่ายเราะ
|
พูดปะเหลาะลดเลี้ยวเกี้ยวพาน
|
พวกดูโขนโคลนตมก็ไม่ว่า
|
สู้ทนฝนฟ้าไม่ไปบ้าน
|
บ้างยืนนั่งตั้งใจจะดูงาน*
|
สับสนอลหม่านเล้าลุม
|
พวกผู้ชายรายยืนอยู่สองข้าง
|
แหวกทางให้ผู้หญิงถลำหลุม
|
ที่ลื่นล้มกลางถนนคนชุม
|
หนุ่มหนุ่มสรวลเสเฮฮา
ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระผู้ผ่านเขตขัณฑ์หมันหยา
|
ตะวันบ่ายชายบังหลังพลับพลา
|
ให้เรียกมวยเข้ามาฉับพลัน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
คู่มวยลุกขึ้นขมีขมัน
|
บ่างเท้าสาวหมัดกัดฟัน
|
ตั้งมั่นตาเขม้นคอยรับ
|
ชกนอกหลอกหลอนลวงให้ไล่
|
ว่องไวได้ที่ตีเท้ากลับ
|
ยังไม่ทันถึงยกฟกบวมยับ
|
อดเหนียวเคี่ยวขับไม่รับแพ้
|
มุทะลุไล่สุ่มตะลุมบอน
|
ชกซ้อนถูกถนัดหมัดทอดแห*
|
ล้มลงกลอกคอทำท้อแท้
|
เรียกหมอมาแก้แล้วหยุดไว้
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูหมันหยาเป็นใหญ่
|
ทรงพระสรวลตรัสสั่งเสนาใน
|
จงไปเปรียบมวยผู้หญิงดู
|
เลือกล่ำงามงามตามสมัคร
|
ที่ใจรักชกตีจะมีอยู่
|
ลูกเมียของใครก็ไม่รู้
|
ได้คู่คาดหมัดมาบัดนี้
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ บัดนั้น
|
เสนารับสั่งใส่เกศี
|
มาเปรียบมวยผู้หญิงเป็นสิงคลี
|
ตามมีพระราชบัญชา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
|
๏ คู่แรกหัวไรจุกจับกระเหม่า
|
หน้าเง้าเจ้าคารมผมประบ่า
|
แต่งตัวผัวเสกขมิ้นทา
|
ห่มผ้าแพรแดงตระแบงมาน
|
คาดหมัดขัดเขมรมงคลใส่
|
แล้วไปยังสนามหน้าฉาน
|
ทุบหลังลงให้นั่งกราบกราน
|
พระผู้ผ่านสวรรยาธานี
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมศรี
|
จึงว่าชอบกลอยู่คู่นี้
|
ชกให้ดีดีอย่าเกี้ยวกัน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
คู่มวยผู้หญิงคนขยัน
|
กราบลงแล้วลุกขึ้นฉับพลัน
|
ตั้งมั่นเหม่นเหม่ไม่มีแรง
|
ย่างเท้าสาวหมัดเมินหน้า
|
หลับตาทุบถองกันพล่องแพล่ง
|
เลี้ยวลอดกอดกัดวัดแวง
|
ล้มตะแคงคนดูเฮฮา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
|
ทอดพระเนตรอยู่บนพลับพลา
|
จนโพล้เพล้เวลาใกล้จะพลบ
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
พนักงานด้านพระเมรุเจนจบ
|
พร้าขอตะกร้อน้ำเตรียมครบ
|
หน้าพลับพลาจุดคบรายไป
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ท้าวหมันหยาเป็นใหญ่
|
ให้จุดพุ่มระทาดอกไม้
|
ไสวสว่างช่วงดังดวงดาว
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
พวกหนังต่างประชันโห่ฉาว
|
บ้างหยุดพากษ์เจรจาว่าเรื่องราว
|
บ้างเชิดบ้างกราวอึงไป
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
|
๏ บัดนั้น
|
ประชาชนอลหม่านไม่นับได้
|
เป็นหมู่หมู่มาดูดอกไม้
|
แล้วไปดูหนังฟังเจรจา
|
พวกผู้ดีหนุ่มหนุ่มคลุมศีรษะ
|
เดินปะใครพบก็หลบหน้า
|
ปลอมปนมิให้คนสงกา
|
เที่ยวเล่นตามประสาหนุ่มคะนอง
|
พวกผู้หญิงชาวร้านบ้านใกล้
|
ตามไต้นั่งรายขายของ
|
หมากพลูบุหรี่ใส่ซอง
|
เห็นใครเดินมาร้องเรียกให้ซื้อ
|
พวกบัณฑิตติดจะเคอะเข้านั่งใกล้
|
ช่วยเขี่ยไต้อ่านอวดสวดหนังสือ*
|
ปะเหล่าโลนลำพองคะนองมือ
|
เอาอิฐถือลอบทิ้งจนนิ่งไป
|
พวกผู้ชายโฉงเฉงนักเลงถั่ว
|
แต่งตัวนุ่งผ้าพกใหญ่
|
เห็นบ่อนตั้งหลังระทาดอกไม้
|
ก็แวะวางเข้าไปนั่งแทง
|
บ้างยกขึ้นเส้นเล่นพกเปล่า
|
ครั้นเสียเขาก็นั่งทำหน้าแห้ง
|
บ้างปลอมเปลี่ยนสับจับเงินแดง
|
ที่ติดพันยื้อแย้งกันรุงรัง
|
ลางลอบเหล่าลอบจุดประทัดทิ้ง
|
พวกผู้หญิงเป็นหมู่มาดูหนัง
|
บ้างโกรธบ้างว่าน่าชัง
|
บ้างนั่งดูสนุกบ้างลุกไป
ฯ
|
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment