Latest News

Thursday, October 11, 2012

อิเหนา : งานพระเมรุที่เมืองหมันหยา (๑๖)



งานพระเมรุที่เมืองหมันหยา


     บัดนั้น
พวกวิเสทแต่งสำรับสับสน
ครั้นเพลาจวนเที่ยงจะเลี้ยงคน
ก็รีบร้นขนสำรับมาฉับไว
กรมวังนั่งถ่ายให้นายด้าน
พวกทำการเมรุทิศเมรุใหญ่
ข้าวกระทงส่งมาแต่ข้างใน
เจ้าขรัวนายเกณฑ์ให้ทำทุกเรือน
ประชาชนชายหญิงเอาสิ่งของ
มาถวายกรายกองไว้กล่นเกลื่อน
แจกให้ไพร่สมระดมเดือน
ทั้งทหารพลเรือนทั่วกัน ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
 
     บัดนั้น
เสนีสี่ตำรวจกวดขัน
นายด้านทำการพระเมรุนั้น
ทั้งกลางคืนกลางวันเร่งรัด
ให้ยกดูกผูกเชือกแย่งระยาง
ยอดปรางค์นภศูลสวมฉัตร
สำรวจในไม้สูงสันทัด
ขึ้นผูกแผงผัดจัดกระจัง
ติดชั้นเชิงบาตรบัวหงาย
เรียงรายเทพประนมยืนนั่ง
บัญชรชัชวาลบานบัง
ฝาผนังหลังคากระยารงค์
พนักงานด้านทำพระเมรุทอง
ก็ติดตัวลำยองหางหงส์
หน้ากระดานฐานปัทม์ไม่ขัดทรง
บรรจงตั้งเครื่องพระเบญจา
เพดานดาราระย้าย้อย
ผูกห้อยภู่พวงบุปผา
ฉากกระจกยกตั้งบังตา
แต่งที่เป็นข้างหน้าข้างใน
บ้างตั้งไม้กระถางวางรูปสัตว์*
รอบจังหวัดบริเวณพระเมรุใหญ่
รูปกินนรอ้อนแอ่นเอาใจ
วางไว้ริมมุขทุกทิศ*
ซุ้มดอกไม้รุ่งรายซ้ายขวา
โคมระย้าหลายลูกผูกติด
ราชวัติทึบตั้งบังมิด
ฉัตรเงินทองปิดน้ำตะกู
บ้างยกฉัตรเบญจรงค์เรียงเรียบ
เสาตะเกียบปักเคียงเป็นคู่คู่
ยักษ์โตตั้งวางข้างประตู
ยืนอยู่หูตาน่ากลัว
บ้างทำโรงหุ่นโขนช่องระทา
ขึ้นหลังคาดาดแผงผูกจั่ว
ปลูกศาลาฉ้อทานทำครัว
เสร็จทั่วทุกตำแหน่งแต่งไว้ ฯ
ฯ ๑๘ คำ ฯ
     บัดนั้น
ฝ่ายเจ้าพนักงานน้อยใหญ่
ครั้นจวนกำหนดไม่นอนใจ
ก็ตระเตรียมเทียมพิชัยราชรถ
รถใหญ่สำหรับใส่พระโกศทอง*
เรืองรองรจนาปรากฏ*
รถโยงปรายข้าวตอกเป็นหลั่นลด*
รถอ่านหนังสือรถใส่ท่อนจันทน์
เกณฑ์ไพร่ไว้สำหรับชักฉุด
ใส่เสื้อเสนากุฎขบขัน
ที่บ่าวไพร่ใครช้ามาไม่ทัน*
ก็พากันวิ่งวุ่นทุกมุลนาย
บรรดาหมู่คู่แห่เข้ากระบวน
ก็มาถ้วนตามบัญชีซึ่งมีหมาย
ล้วนใส่เสื้อครุยกรุยกราย
สมปักลายลำพอกถือดอกบัว
คนชักรูปสัตว์จัดหนุ่มหนุ่ม
ใส่ศีรษะโมงครุ่มครอบหัว
ทับทรวงสังวาลลอดสอดพันพัว
แต่งตัวนุ่งตาโถงโจงกระเบน
กิดาหยันจัดกันตามตำแหน่ง
เชิญพระแสงหอกดาบดั้งเขน
ตั้งตาริ้วรายไปใกล้พระเมรุ
พรั่งพร้อมตามเกณฑ์ทั้งไพร่นาย ฯ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
ประชาชนพลเมืองทั้งหลาย
จะดูชักพระศพตบแต่งกาย*
หญิงชายโอ่อวดประกวดกัน
บรรดาเหล่าชาวบางบ้านไกล
ก็ลงเรือรีบไปแต่ไก่ขัน
เร่งพายเตือนผัวกลัวไม่ทัน
ทุ่มเถียงทะเลาะกันมากลางทาง
ที่บ้านอยู่คนละฟากอยากจะดู
แต่เช้าตรู่ก็ลงมาท่าเรือจ้าง
ให้เบี้ยเขาข้ามส่งตรงท่าช้าง
บ้างยังค้างคอยอยู่กู่ตะโกน
พวกเมียขุนนางต่างแต่งแง่
มาคอยดูอยู่ที่แคร่หน้าโรงโขน
ปะชายขายหน้าประสาโลน
ทำเมินเดินโดนผู้หญิงไป
ชาวแพแม่ค้าพาลูกเต้า
ผัวพวกนายสำเภาเป็นจีนใหม่
พูดจาไม่ชัดสันทัดไทย
นั่งไหนหนุ่มหนุ่มก็ล้อมอึง
เมียน้อยเจ้าภาษีมิใช่ชั่ว
หน้าเป็นเล่นตัวจนผัวหึง
พวกกินเหล้าเมามาหน้าตึง
ปากโป้งโผงผึงอวดตน
เห็นสาวสาวที่ไหนชุมเข้ากลุ้มกลัด
แทรกสกัดกั้นกางขวางถนน
ตำรวจในไล่ตีผู้คน*
สับสนอลหม่านไปมา ฯ
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
     เมื่อนั้น
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
ครั้นแสงทองส่องสว่างกระจ่างฟ้า
เสด็จมาสรงชลฉับพลัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
     ทรงสุคนธ์รวยรินกลิ่นเกลา
สอดใส่สนับเพลาลายกระสัน
ทรงภูษาพื้นขาวเขียนสุวรรณ
เกรียวกรวยสามชั้นบรรจงโจง
ฉลององค์โหมดเทศทองอร่าม
อินทรธนูดูงามอ่าโถง
เจียระบาดตาดเงินเงาโง้ง*
ปั้นเหน่งลายปรุโปร่งประดับพลอย
กรองศอสังเวียนวิเชียรช่วง
ตาบทิศทับทรวงห่วงห้อย
ทองกรจำหลักเป็นรักร้อย
ธำมรงค์เพชรพลอยร่วงรุ้ง
กรรเจียกแก้วแพรวพรายทั้งซ้ายขวา
ทรงชฎาห้ายอดสอดสะดุ้ง
ห้อยอุบะตันหยงส่งกลิ่นฟุ้ง
ครั้นรุ่งก็เสด็จจรจรัล ฯ
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
     ร่าย

     มายังเกยมณีที่ข้างหน้า*
พระราชาขึ้นทรงอุสงหงัน*
เสนีแห่แหนแน่นนันต์
อิเหนากุเรปันก็ตามไป ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงหยุดประทับพลับพลา
พร้อมหมู่มาตยาน้อยใหญ่
หมอบเฝ้าคอยฟังรับสั่งใช้
ตำรวจในพิทักษ์รักษาองค์ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ประไหมสุหรีมีศักดิ์สูงส่ง
ชวนระเด่นจินตะหราโฉมยง
มาทรงวอสุวรรณกั้นกลาง
เสด็จโดยฉนวนในไคลคลา
โขลนจ่าร้องให้ปิดประตูข้าง
พร้อมหมู่สาวสวรรค์กำนัลนาง
ต่างต่างตามเสด็จจรลี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
     ครั้นถึงจึงชวนพระธิดา
หยุดประทับพลับพลาหลังคาสี
คอยดูชักศพพระอัยกี
เลิกมู่ลี่แลลอดสอดตา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
เสนีธิบดีซ้ายขวา
เร่งรัดจัดถ้วนกระบวนตรา
พอเวลาไขสีรวีวรรณ
จึงให้เชิญพระศพในปราสาท
ขึ้นสู่ยานุมาศผายผัน
เกณฑ์แห่แห่แหนแน่นนันต์
มายังเกยสุวรรณที่ประทับ
พนักงานเชิญพระโกศขึ้นตั้ง
บนบัลลังก์รถทรงเสร็จสรรพ
คู่แห่แตรสังข์คั่งคับ
เป็นลำดับเดินโดยมรคา
เชื้อพระวงศ์ทรงรถเรืองรอง
มือถือแว่นทองซองสลา
โขมพัตถ์พับยาวโยงมา
พาดเหนืออังสาทรงไว้
รถพระวงศ์เชื้อสายปรายข้าวตอก
ใส่ชฎาลำพอกดอกไม้ไหว
รถบีกูดูหนังสืออ่านไป
รถหลังตั้งเนื้อไม้ท่อนจันทน์
เครื่องสูงเคียงคู่ทั้งสองข้าง
พระกลดหักทองขวางกางกั้น
อินทร์พรหมพร้อมเพรียงเรียงกัน
เสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นไป
รูปสัตว์สิ่งละคู่ดูต่างต่าง
ตามตำแหน่งขุนนางน้อยใหญ่
บุษบกบัลลังก์ตั้งผ้าไตร
ชักไปเป็นขนัดอัดมา*
ระเด่นดาหยนสุริย์วงศ์
ทั้งเผ่าพงศ์ประยูรในหมันหยา
ต่างองค์ทรงเครื่องใส่ชฎา
ขี่ม้าตามไปในกระบวน ฯ
ฯ ๑๖ คำ ฯ กลองโยน
     บัดนั้น
หญิงชายหนุ่มสาวชาวเรือกสวน
ลูกเต้าหลานเหลนอยู่เป็นพรวน
เห็นกระบวนแห่หน้ามาแต่ไกล
พวกผู้หญิงชิงช่องราชวัติ
ด่าทอพ้อตัดผลักไส
บ้างลุกขึ้นชี้หน้าแล้วว่าไป
ทำไมตะกายเอานายกู
ลูกผัวพี่น้องทั้งสองข้าง
วิ่งวางเข้าช่วยเหมือนมวยหมู่
พวกผู้ชายเฮฮาเข้ามาดู
ตำรวจในไล่ขู่ห้ามปราม
ผู้คนคั่งคับนับแสน
นับแน่นไปทั้งท้องสนาม
บ้างชมรถรัตน์สารพัดงาม
พระโกศทองอร่ามรูจี
ท้าวนางข้างในออกไปดู
นั่งอยู่หน้าพลับพลาหลังคาสี
บ้างพูดถึงครั้งการบ้านเมืองดี
ว่างามยิ่งกว่านี้มากมาย
เมียขุนนางลางคนติผัว
แต่งตัวใส่ลำพอกพานจะหงาย
สะกิดเพื่อนเตือนให้ดูท่านผู้ชาย
แย้มยิ้มพริ้มพรายไปมา ฯ
ฯ ๑๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
พวกพระวงศ์พงศ์พันธุ์ในหมันหยา
ทั้งขุนนางข้างภูษามาลา
ครั้นพระศพชักมาถึงพระเมรุ*
ให้เชิญโกศลงจากบุษบก
พยุงยกฮึดฮัดขัดเขมร
ใส่ที่นั่งบัลลังก์ราเชนทร์
เวียนรอบบริเวณพระเมรุมา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯกลองโยน
     ครั้นครบคำรบสามตามธรรมเนียม
พนักงานคอยเตรียมอยู่พร้อมหน้า
จึงเชิญพระโกศแก้วแววฟ้า
ขึ้นตั้งบนเบญจาห้าชั้น
พวกประโคมสังข์แตรแซ่เสียง
สำเนียงกลองชนะครื้นครั่น
ชาววังชักรูดพระสูตรสุวรรณ
บังแสงสุริยันตรัสไตร ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
     เมื่อนั้น
ระตูหมันหยาเป็นใหญ่
ชวนอิเหนานัดดาคลาไคล
เข้าไปในพระเมรุรจนา
ครั้นถึงจึงบังคมเคารพ
พระศพอัยกีนาถา
แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชา
เครื่องสุวรรณบุปผามาลี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ สาธุการ
     เมื่อนั้น
โฉมยงองค์ประไหมสุหรี
ทั้งระเด่นจินตะหราวาตี
จรลีมายังพระเมรุทอง ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     จึงจุดธูปเทียนนมัสการ
เยาวมาลย์กำสรดเศร้าหมอง
สาวสนมกรมในเนืองนอง
ฟูมฟายชลนัยน์จาบัลย์ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
     เมื่อนั้น
ระตูผู้ผ่านไอศวรรย์*
ให้สังฆการีนิมนต์พระนักธรรม์
พร้อมกันเข้ามาสดับปกรณ์ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
     แล้วถวายวัตถุไทยทาน
บริขารเสื่อร่มพรมหมอน
โสมนัสศรัทธาสถาวร
ภูธรเสด็จกลับมาพลับพลา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
     นั่งเหนือพระยี่ภู่ปูลาด
หมู่อำมาตย์เฝ้าแหนแน่นหนา
ประชาชนกล่นเกลื่อนกันมา
จึงตรัสสั่งเสนาให้ทิ้งทาน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
เสนีที่เฝ้าอยู่หน้าฉาน*
รับสั่งแล้ววิ่งไปลนลาน
โบกมือให้ทิ้งทานโปรยปราย ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
ขุนหมื่นชาวคลังทั้งหลาย
นั่งประจำกำมพฤกษ์รอบราย
ต่างถวายบังคมแล้วขึ้นทิ้ง
ผู้คนคั่งคับสับสน
ปนละวนวุ่นวายทั้งชายหญิง
บ้างโดดโลดลอยคอยชิง
ชูสวิงร่มรับลูกมะนาว
บ้างตบมือเพรียกเรียกร้อง
ไล่ตะครุบทุบถองกันอื้อฉาว
เป็นหมู่หมู่วิ่งกรูเกรียวกราว
ประชาชาวบุรีปรีดา ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
     บัดนั้น
พนักงานการเล่นทุกภาษา
ทั้งหุ่นโขนโรงใหญ่ช่องระทา
มานอนโรงคอยท่าแต่ราตรี
ครั้นพระศพชักมาถึงหน้าเมรุ
ก็โห่ฉาวกราวเขนขึ้นอึงมี่
ต่างเล่นเต้นรำทำท่วงที
เสียงฆ้องกลองตีทุกโรงงาน ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
     บัดนั้น
ฝูงประชามาสิ้นทุกถิ่นฐาน*
พวกผู้หญิงสาวสาวชาวร้าน
เดินเที่ยวดูงานพล่านไป
นักเลงเหล่าเจ้าชู้ฉุยฉาย
นุ่งรายฉีกผ้าดัดตัดผมใหม่*
ดัดจริตปิดขมับทาไพล
ห่มแพรหนังไก่สองเพลาะ
เห็นสาวสาวเหล่าเข้าหลวงเรือนนอก
สะกิดบอกเพื่อนกันคนนั้นเหมาะ
บ้างเดินเวียนแวดวายชายร่ายเราะ
พูดปะเหลาะลดเลี้ยวเกี้ยวพาน
พวกดูโขนโคลนตมก็ไม่ว่า
สู้ทนฝนฟ้าไม่ไปบ้าน
บ้างยืนนั่งตั้งใจจะดูงาน*
สับสนอลหม่านเล้าลุม
พวกผู้ชายรายยืนอยู่สองข้าง
แหวกทางให้ผู้หญิงถลำหลุม
ที่ลื่นล้มกลางถนนคนชุม
หนุ่มหนุ่มสรวลเสเฮฮา ฯ
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
     เมื่อนั้น
พระผู้ผ่านเขตขัณฑ์หมันหยา
ตะวันบ่ายชายบังหลังพลับพลา
ให้เรียกมวยเข้ามาฉับพลัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
คู่มวยลุกขึ้นขมีขมัน
บ่างเท้าสาวหมัดกัดฟัน
ตั้งมั่นตาเขม้นคอยรับ
ชกนอกหลอกหลอนลวงให้ไล่
ว่องไวได้ที่ตีเท้ากลับ
ยังไม่ทันถึงยกฟกบวมยับ
อดเหนียวเคี่ยวขับไม่รับแพ้
มุทะลุไล่สุ่มตะลุมบอน 
ชกซ้อนถูกถนัดหมัดทอดแห*
ล้มลงกลอกคอทำท้อแท้
เรียกหมอมาแก้แล้วหยุดไว้ ฯ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
     เมื่อนั้น
ระตูหมันหยาเป็นใหญ่
ทรงพระสรวลตรัสสั่งเสนาใน
จงไปเปรียบมวยผู้หญิงดู
เลือกล่ำงามงามตามสมัคร
ที่ใจรักชกตีจะมีอยู่
ลูกเมียของใครก็ไม่รู้
ได้คู่คาดหมัดมาบัดนี้ ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
     บัดนั้น
เสนารับสั่งใส่เกศี
มาเปรียบมวยผู้หญิงเป็นสิงคลี
ตามมีพระราชบัญชา ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
     คู่แรกหัวไรจุกจับกระเหม่า
หน้าเง้าเจ้าคารมผมประบ่า
แต่งตัวผัวเสกขมิ้นทา
ห่มผ้าแพรแดงตระแบงมาน
คาดหมัดขัดเขมรมงคลใส่
แล้วไปยังสนามหน้าฉาน
ทุบหลังลงให้นั่งกราบกราน
พระผู้ผ่านสวรรยาธานี ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
ท้าวหมันหยาปรีดิ์เปรมเกษมศรี
จึงว่าชอบกลอยู่คู่นี้
ชกให้ดีดีอย่าเกี้ยวกัน ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
คู่มวยผู้หญิงคนขยัน
กราบลงแล้วลุกขึ้นฉับพลัน
ตั้งมั่นเหม่นเหม่ไม่มีแรง
ย่างเท้าสาวหมัดเมินหน้า
หลับตาทุบถองกันพล่องแพล่ง
เลี้ยวลอดกอดกัดวัดแวง
ล้มตะแคงคนดูเฮฮา ฯ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
     เมื่อนั้น
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
ทอดพระเนตรอยู่บนพลับพลา
จนโพล้เพล้เวลาใกล้จะพลบ ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
พนักงานด้านพระเมรุเจนจบ
พร้าขอตะกร้อน้ำเตรียมครบ
หน้าพลับพลาจุดคบรายไป ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     เมื่อนั้น
องค์ท้าวหมันหยาเป็นใหญ่
ให้จุดพุ่มระทาดอกไม้
ไสวสว่างช่วงดังดวงดาว ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ
     บัดนั้น
พวกหนังต่างประชันโห่ฉาว
บ้างหยุดพากษ์เจรจาว่าเรื่องราว
บ้างเชิดบ้างกราวอึงไป ฯ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
     บัดนั้น
ประชาชนอลหม่านไม่นับได้
เป็นหมู่หมู่มาดูดอกไม้
แล้วไปดูหนังฟังเจรจา
พวกผู้ดีหนุ่มหนุ่มคลุมศีรษะ
เดินปะใครพบก็หลบหน้า
ปลอมปนมิให้คนสงกา
เที่ยวเล่นตามประสาหนุ่มคะนอง
พวกผู้หญิงชาวร้านบ้านใกล้
ตามไต้นั่งรายขายของ
หมากพลูบุหรี่ใส่ซอง
เห็นใครเดินมาร้องเรียกให้ซื้อ
พวกบัณฑิตติดจะเคอะเข้านั่งใกล้
ช่วยเขี่ยไต้อ่านอวดสวดหนังสือ*
ปะเหล่าโลนลำพองคะนองมือ
เอาอิฐถือลอบทิ้งจนนิ่งไป
พวกผู้ชายโฉงเฉงนักเลงถั่ว
แต่งตัวนุ่งผ้าพกใหญ่
เห็นบ่อนตั้งหลังระทาดอกไม้
ก็แวะวางเข้าไปนั่งแทง
บ้างยกขึ้นเส้นเล่นพกเปล่า
ครั้นเสียเขาก็นั่งทำหน้าแห้ง
บ้างปลอมเปลี่ยนสับจับเงินแดง
ที่ติดพันยื้อแย้งกันรุงรัง
ลางลอบเหล่าลอบจุดประทัดทิ้ง
พวกผู้หญิงเป็นหมู่มาดูหนัง
บ้างโกรธบ้างว่าน่าชัง
บ้างนั่งดูสนุกบ้างลุกไป ฯ
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
no image
  • Blogger Comments
  • Facebook Comments

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Top