อิเหนาเข้าเมืองหมันหยา
|
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านหมันหยา
|
ได้ฟังจึงสั่งเสนา
|
จงไปรับนัดดามาธานี
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ตำมะหงงรับสั่งใส่เกศี
|
ออกมาเกณฑ์กันทันที
|
เร่งรัดสัสดีเอาผู้คน
|
บ้างเบิกเสื้อเบิกหมวกอลหม่าน
|
ทั่วทุกพนักงานสับสน
|
พรั่งพร้อมโยธีรี้พล
|
เสนานำพหลเกณฑ์แห่ไป
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
|
๏ ครั้นถึงจึงถวายอัญชลี
|
องค์ระเด่นมนตรีศรีใส
|
บังคมทูลแถลงให้แจ้งใจ
|
ระตูให้มารับเข้าบุรี
ฯ*
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเรืองศรี
|
ได้ฟังตำมะหงงเสนี
|
จึ่งตรัสสั่งทั้งสี่พี่เลี้ยง
|
วันนี้เราจะเข้าพระนคร
|
อย่าให้ทันแดดร้อนก่อนเที่ยง
|
จงจัดทหารแห่เป็นคู่เคียง
|
ให้พร้อมเพรียงแต่ในบัดนี้
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศี
|
มาจัดพลจัดพวกพาชี
|
ทหารแห่ให้ขี่คู่กัน
|
แล้วนุ่งห่มสมตัวตกแต่ง
|
ตามตำแหน่งเสนากิดาหยัน
|
ปลายเชือกให้ชาวหมันหยานั้น
|
จัดกันเดินหน้านำพล
|
เหล่ากำนัลเชิญพระแสงสำหรับตาม
|
ล้วนงามงามต้นเหลี่ยมหลังถนน
|
เข้าขบวนถ้วนทั่วทุกตัวคน
|
แล้วผูกม้าต้นเตรียมไว้
|
สารวัดจัดตรวจเป็นหมวดกอง
|
ทวนทองธงทิวปลิวไสว
|
คอยเสด็จยาตราคลาไคล
|
คับคั่งทั้งในแดนดง
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีสูงส่ง
|
เสด็จจากแท่นสุวรรณบรรจง
|
มาสระสรงวารินกลิ่นเกลา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
ลงสรงสุหร่าย
|
|
๏ ทรงสุคนธ์ปนทองชมพูนุท
|
นวลละอองผ่องผุดดังหล่อเหลา
|
พระฉายตั้งคันฉ่องส่องเงา
|
สอดใส่สนับเพลาเพราผจง
|
ทรงภูษายกแย่งอย่างนอก
|
พื้นม่วงดวงดอกตันหยง
|
โหมดเทศริ้วทองฉลององค์
|
กระสันทรงเจียระบาดคาดทับ
|
ปั้นเหน่งเพชรลงยาราชาวดี
|
ทับทรวงดวงมณีสีสลับ
|
เฟื่องห้อยสร้อยสังวาลบานพับ
|
ทองกรแก้วประดับดวงจินดา
|
สอดใส่ธำมรงค์เรือนครุฑ
|
ทรงมงกุฎห้อยพวงบุปผา
|
เหน็บกริชฤทธิไกรแล้วไคลคลา
|
เสด็จมาขึ้นทรงสินธพ
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
|
โทน
|
|
๏ ม้าเอยม้าต้น
|
สามารถอาจผจญเจนจบ
|
เคล่าคล่องทีทวนกระบวนรบ
|
ไม่หลีกหลบเลื่อมตื่นปืนประทัด
|
เผ่าโผนโจนฝ่ามากลางพล
|
ผู้คนเดินกีดก็ดีดกัด
|
ม้ากิดาหยันตามเยียดยัด
|
ม้าแห่แออัดรัถยา
|
ม้าระเด่นดาหยนเดินรอง
|
ม้าพี่เลี้ยงเคียงสองซ้ายขวา
|
พนักงานกั้นกลดรจนา
|
บังแสงสุริยาตรัสไตร
|
อภิรุมชุมสายสีประเทือง
|
ธงเทียวเขียวเหลืองล้วนใหม่ใหม่
|
สนั่นเสียงฆ้องกลองก้องไพร
|
รีบรนพลไกรเข้าในเมือง
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
|
ร่าย
|
|
๏ บัดนั้น
|
หญิงชายระบือลือเลื่อง
|
มาคอยภูวไนยนองเนือง
|
นั่งเนื่องแน่นถนนไปจนวัง
|
บ้างกลัวต่ำสูงจูงลูกหลาน
|
ลงจากร้านขายผ้าหน้าถัง
|
บ้างลดไม้ค้ำฝาหน้ากระชัง
|
มาแทรกเสียดเบียดบังนั่งปน
|
ที่หญิงปากกล้าก็ด่าทอ
|
เพิดพ้อผลักไสพิไรบ่น
|
ปะชายโฉงเฉงข่มเหงคน
|
ปากลนปะเตะเล่นก็เป็นไร
|
ที่ทางมึงได้ที่ไหนมา
|
จะนิ่งดูแต่ตาก็ไม่ได้
|
ขึ้นเสียงเถียงทะเลาะกันอึงไป
|
ฮึดฮัดขัดใจเต็มที
|
ที่เป็นผู้ใหญ่ก็ห้ามปราม
|
ข้าขอความเอ็นดูอย่าจู้จี้
|
มิใช่คนชั่วช้าหน้าดีดี
|
ไม่พอที่จะโมโหโกรธา
|
ครั้นได้เห็นองค์พระทรงธรรม์
|
งามดังอสัญแดหวา*
|
พิศวงงงไปในพริบตา*
|
ทั่วทั้งไพร่ฟ้าประชากร
|
หญิงชายชาวเมืองก็หมอบกราน
|
ทุกบ้านบังคมอยู่สลอน
|
บ้างร้องอำนวยอวยพร
|
ราษฎรเกษมเปรมปรีดิ์
ฯ*
|
ฯ ๑๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ทหารแห่คับคั่งทั้งวิถี
|
เห็นผู้หญิงสาวสาวชาวบุรี
|
หน้าไหนใครดีก็แลดู
|
บ้างกระซิบบุ้ยปากบอกกัน
|
รูปร่างนางคนนั้นขยันอยู่
|
ที่หนุ่มหนุ่มนักเลงเหล่าเจ้าชู้
|
เอาปูนพลูซัดหยอกแล้วยิ้มพราย
|
บ้างชักม้าพยศย่างขวางถนน
|
สะดุดคนเหยียบของเขากองขาย
|
บ้างโผนผกหกมุ่นวุ่นวาย
|
ตื่นตะกายเกะกะเข้าระรั้ว
|
พวกผู้หญิงวิ่งวุ่นอลวน
|
ลางคนผ้าห่อมหายขายหน้าผัว
|
บ้างแฝงฝาหน้าถังบังตัว
|
บ้างหัวบ้างโกรธโกรธา
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระสุริย์วงศ์องค์อสัญแดหวา
|
เร่งขับมโนมัยไคลคลา
|
มรคาคับคั่งผู้คน
|
ครั้นถึงทิมริมที่ทวารวัง
|
เสด็จลงจากหลังม้าต้น
|
จึงให้หยุดโยธีรี้พล
|
ชวนระเด่นดาหยนยาตรา
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เข้าในพระโรงรัตน์รูจี
|
เห็นเสนีเฝ้าแหนแน่นหนา
|
จึงถวายบังคมคัลวันทา
|
พระผู้ผ่านสวรรยาธานี
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูหมันหยาเรืองศรี
|
เห็นอิเหนาเข้ามาอัญชลี
|
จึงมีมธุรสพจมาน
|
ปราศรัยไต่ถามพระนัดดา
|
ซึ่งเจ้ามาท่าทางทุรัศสถาน
|
เดินโดยอรัญกันดาร
|
โยธาทวยหาญยังพร้อมมูล
|
พระชนกชนนีทั้งสอง
|
ครอบครองโภไคยไอศูรย์
|
เสวยรมย์สมบัติบริบูรณ์
|
ทั้งประยูรสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์
|
อันฝูงไพร่ฟ้าประชาชน
|
ทั้งเสนาสามนต์พลขันธ์
|
อยู่เย็นเป็นสุขพร้อมกัน
|
เหมือนแต่ก่อนกระนั้นหรือ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
อิเหนาอภิวันท์หรรษา
|
ทูลว่าแต่ยกพลมา
|
เดินโดยมรคาสิบห้าวัน
|
อันพวกพหลพลไกร
|
ไม่มีเหตุเภทภัยในไพรสัณฑ์
|
สมเด็จพระบิตุรงค์ทรงธรรม์
|
ก็เสวยไอศวรรย์เปรมปรีดิ์
|
ถ้วนหน้าผาสุกไม่ทุกข์ร้อน
|
ไพร่ฟ้าประชากรเกษมศรี
|
ปราศจากอันตรายราคี
|
มิได้มีภัยพานประการใด
|
แต่องค์พระชนนีนั้น
|
ทรงครรภ์แก่เกือบไม่มาได้
|
ให้ข้าคุ้มของสองเวียงชัย
|
มาปลงศพท่านไทยอัยกี
|
แม้นพระเมรุเกณฑ์ทำไม่ทันการ
|
จะแจ้งสารไปให้ทราบบทศรี
|
พระเพิ่มเติมพลมนตรี
|
ทั้งสองบุรีมาทำการ
ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ท้าวหมันหยายิ้มย่องสนองสาร
|
ซึ่งสององค์บรรจงไทยทาน
|
ให้หลานมาช่วยถึงพารา
|
พระคุณนั้นหาที่สุดไม่
|
จะเลื่องชื่อลือไปทุกทิศา
|
อันการศพสมเด็จพระมารดา
|
ก็จัดแจงทำมาไม่เงือดงด
|
แต่ยังหาได้ตั้งพระเมรุไม่
|
ตัวไม้ปรับปรุงไว้พร้อมหมด
|
หลานมาน้าสมมโนรถ
|
จะรีบกำหนดให้แน่ลง
|
ว่าพลางทางมีบัญชา
|
ตรัสสั่งเสนาตำมะหงง*
|
จงแต่งที่ประเสบันอากง
|
ให้องค์อิเหนากุเราปัน
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ตำมะหงงรับสั่งแล้วผายผัน
|
มาจัดแจงแต่งที่ประเสบัน
|
ช่วยกันอุตลุดทั้งไพร่นาย
|
บ้างกั้นฉากแพรลับแลตั้ง
|
กรมวังวงพระสูตรรูดสาย
|
จัดแจงแต่งตำหนักยักย้าย
|
เพดานดาดรายดารากร
|
บ้างตกแต่งพระยี่ภู่ปูอาสน์
|
ชาวที่ทอดราชบรรจถรณ์
|
ที่เสวยที่สรงสาคร
|
เสร็จตามภูธรบัญชาการฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระองค์ผู้ดำรงราชฐาน
|
จึงตรัสสั่งพฤฒาโหราจารย์
|
ให้หาฤกษ์ตั้งการกำหนดวัน
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
ขุนโหรผู้ใหญ่คนขยัน
|
คลี่ตำราขับไล่ลัคน์จันทร์
|
ดูโฉลกโชคชั้นทันที
|
จึงนบนิ้วประนมบังคมทูล
|
นเรนทร์สูรจงทราบบทศรี
|
กำหนดเชิญพระศพฤกษ์ดี
|
เดือนสี่สิบค่ำวันอังคาร
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูหมันหยาได้ฟังสาร
|
จึงสั่งเสนีพนักงาน
|
จงจัดการพระเมรุเกณฑ์กัน
|
นายมุลขุนหมื่นทุกหมู่หมวด
|
สมทบสี่ตำรวจกวดขัน
|
เครื่องประดับพระศพครบครัน
|
รีบทำให้ทันกำหนดไว้
|
สั่งพลางทางกล่าววาที
|
ชวนระเด่นมนตรีศรีใส
|
ทั้งระเด่นดาหยนคลาไคล
|
เสด็จไปไหว้ศพพระอัยกี
ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระเด่นมนตรีเรืองศรี
|
จึงถวายอภิวันท์อัญชลี
|
ศพพระอัยกีด้วยปรีดา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
ระตูผู้ผ่านหมันหยา*
|
จึงมีพระราชบัญชา
|
สั่งกำนัลกัลยาฉับพลัน
|
จงไปเชิญองค์ประไหมสุหรี
|
กับบุตรีขึ้นมาขมีขมัน
|
บอกว่าอิเหนากุเรปัน
|
มาอภิวันท์พระศพอยู่บนนี้
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ บัดนั้น
|
นางกำนัลประณตบทศรี
|
รับสั่งพระผู้ทรงธรณี
|
แล้วรีบจรลีออกมา
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ ชุบ
|
๏ ครั้นถึงจึงถวายบังคมไหว้
|
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
|
ทูลว่าอิเหนานัดดา
|
เสด็จมาอยู่ที่พระศพนั้น
|
บัดนี้พระผู้ผ่านเวียงชัย
|
ให้เชิญสองอรทัยผายผัน
|
ขึ้นไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์
|
ยังสุวรรณปราสาทรูจี
ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
๏ เมื่อนั้น
|
โฉมยงค์องค์ประไหมสุหรี
|
จึงชวนจินตะหราวาตี
|
เข้าที่สรงสนานสำราญกาย
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
ชมตลาด
|
|
๏ สองกษัตริย์ขัดสีฉวีวรรณ
|
นางกำนัลตั้งสุคนธ์คอยถวาย*
|
ทรงอุหรับจับกลิ่นอบอาย
|
น้ำกุหลาบละลายกรายกรีดนิ้ว
|
กวดเกล้าเปลาปลายพระฉายส่อง
|
ผัดพักตร์นวลละอองผ่องผิว
|
ทรงภูษายักแย่งแพลงพลิ้ว
|
ห่มริ้วทองทับซับใน
|
สร้อยสะอิ้งสังวาลบานพับ
|
ตามประดับมรกตสดใส
|
ทองกรแก้วมณีเจียระไน
|
สอดใส่เนาวรัตน์ธำมรงค์
|
ทรงมงกุฎสำหรับพระธิดา
|
ห้อยอุบะบุหงาตันหยง*
|
พรั่งพร้อมสุรางค์นางอนงค์
|
สององค์เสด็จไคลคลา
ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า
|
ร่าย
|
|
๏ ครั้นถึงจึงบังคมบรมศพ
|
แล้วนอบนบอภิวันท์ท้าวหมันหยา
|
พลางทอดพระเนตรแลมา
|
ดูพระนัดดาธิบดี
ฯ
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment