ท้าวกุเรปันบวงสรวงขอบุตรให้นางประไหมสุหรี
|
|
๏ คิดจะให้ประไหมสุหรีนั้น
|
ทรงครรภ์พระโอรสา
|
จะได้สืบสุริย์วงศ์พงศ์เทวา
|
ดำรงขัณฑเสมาธานี ฯ
|
๏ คิดพลางทางถวายเครื่องบวงสรวง
|
บำบวงเทวราชเรืองศรี
|
ขออารักษ์หลักเมืองเรืองฤทธี
|
ได้ปรานีเชิญช่วยจงสมคิด
|
ให้ประไหมสุหรีนั้นมีบุตร
|
เป็นบุรุษรูปโฉมประโลมจิต
|
ได้ครอบครองพระนครขจรฤทธิ์
|
ลือสะท้านทั่วทิศทั้งปวง
|
แม้นสมปรารถนาดังว่าขาน
|
จะแต่งแก้บนบานบวงสรวง
|
เทียนทองชวาลาบุบผาพวง
|
พรรณรายรุ้งร่วงด้วยเนาวรัตน์
|
จะแผ่ทองเนื้อเก้าหุ้มเสาศาล
|
เอาติดคำทำม่านเพดานตัด
|
อีกทั้งทิวธงราชวัติ
|
ชุมสายเศวตฉัตรชัชวาล
|
ทั้งแพะแกะโคกระทิงสิ่งละร้อย
|
จะปล่อยไว้ในเทวสถาน
|
จะสมโภชเจ็ดทิวาราตรีกาล
|
มีงานมหรสพครบครัน ฯ
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
|
ช้า
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีเฉิดฉัน
|
ร่วมภิรมย์สมสุขด้วยทรงธรรม์
|
เมื่อจวนจะมีครรภ์พระลูกรัก
|
ราตรีเข้าที่พระบรรทม
|
ด้วยบรมนรินทร์ปิ่นปัก
|
บังเกิดนิมิตฝันอัศจรรย์นัก
|
ว่านงลักษณ์นั่งเล่นที่ชาลา
|
มีพระสุริยงทรงกลด
|
ชักรถมาในเวหา
|
แจ่มแจ้งแสงสว่างทั้งโลกา
|
ตกลงตรงหน้านางรับไว้
|
ครั้นนิทราตื่นฟื้นองค์
|
ให้หลากจิตพิศวงสงสัย
|
จึ่งทูลพระภัสดาทันใด
|
โดยในนิมิตเยาวมาลย์ ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
|
ร่าย
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ศรีปัดหราได้ทราบสาร
|
นิ่งนึกตรึกดูก็แจ้งการ
|
จะมีครรภ์กุมารเป็นมั่นคง
|
พระเร่งเกษมสันต์หรรษา
|
สมถวิลจินดาดังประสงค์
|
พอรุ่งรางส่างแสงสุริยง
|
ก็อ่าองค์ทรงเครื่องรูจี
|
เสด็จออกยังท้องพระโรงคัล
|
นั่งเหนือแท่นสุวรรณจำรัสศรี
|
แล้วเล่าความนิมิตเทวี
|
แก่โหรเฒ่าทั้งสี่ทันใด ฯ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
|
๏ บัดนั้น
|
ทั้งสี่โหราอัชฌาศัย
|
พิเคราะห์ดูเห็นแจ้งไม่แคลงใจ
|
ต่างทูลภูวไนยไปพลัน
|
อันพระสุบินนี้ดีนัก
|
จะได้โอรสรักเป็นแม่นมั่น
|
อาจองทรงเดชดั่งสุริยัน
|
ทุกนิเวศน์เขตขัณฑ์ไม่ต้านทาน*
|
จะเป็นที่ดับเข็ญให้เย็นยุค
|
ราษฎรจะได้สุขเกษมศานต์
|
ซึ่งนิมิตยามจันทร์วันอังคาร
|
จวนเวลากาลอโณทัย
|
สิ่งใดพระองค์ประสงค์นัก
|
ตำราว่าจักพลันได้
|
แต่ในสองเดือนถ้าเคลื่อนไป
|
พระอย่างไว้ชีวิตโหรา ฯ
|
ฯ ๘ คำ ฯ
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
พระทรงภพกุเรปันหรรษา
|
จึ่งดำรัสตรัสสั่งเสนา
|
ให้จัดเสื้อผ้าแพรพรรณ
|
ทั้งเงินทองข้าวของหลากหลาย
|
มาให้โหรผู้ทายทำนายฝัน
|
สั่งเสร็จเสด็จจรจรัล
|
เข้าปราสาทสุวรรณรจนา ฯ*
|
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
|
|
๏
เมื่อนั้น
|
องค์ประไหมสุหรีเสนหา
|
อยู่เย็นเป็นสุขทุกเวลา
|
ประมาณเดือนหนึ่งมาก็มีครรภ์
|
ยิ่งผุดผาดผิวผ่องละอององค์
|
ดั่งอนงค์นางฟ้ากระยาหงัน
|
เมื่อจวนจะถ้วนกำหนดนั้น
|
ให้บังเกิดอัศจรรย์จลาจล
|
พสุฑสะเทือนเลื่อนลั่น
|
เป็นควันตลบทั้งเวหน
|
มืดมิดปิดแสงพระสุริยน
|
ฟ้าลั่นอึงอลนภาลัย
|
แลบพรายเป็นสายอินทรธนู
|
สักครู่ก็เกิดพายุใหญ่
|
ไม้ไหล้ลู่ล้มระทมไป
|
แล้วฝนห่าใหญ่ตกลงมา
|
เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงฟ้าฟาดสาย
|
แต่มิได้อันตรายจักผ่า
|
เย็นทั่วฝูงราษฎร์ประชา
|
ทั้งเจ็ดทิวาราตรี
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
|
๏
เมื่อนั้น
|
องค์ท้าวกุเรปันเรืองศรี
|
เสด็จยังปรางค์รัตน์มณี
|
ภูมีเห็นนิมิตผิดใจ
|
เกิดมาแต่ก่อนบ่ห่อนเห็น*
|
จะอุบัติขัดเข็ญเป็นไฉน
|
คิดพลางย่างเยื้องคลาไคล
|
เสด็จออกพระโรงชัยฉับพลัน ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
|
|
๏
จึงมีพระราชบรรหาร
|
ถามโหราจารย์คนขยัน
|
ซึ่งเกิดมหัศอัศจรรย์
|
ผิดอย่างปางบรรพ์ไม่เคยมี
|
หรือจะเป็นเหตุการณ์แก่บ้านเมือง
|
ระคายเคืองขุ่นข้องหมองศรี
|
จงเร่งทำนายร้ายหรือดี
|
เรานี้ให้ฉงนสนเท่ห์ใจ ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
|
๏
บัดนั้น
|
ขุนโหรกราบทูลแถลงไข
|
ข้าพิเคราะห์เห็นไม่เป็นไร
|
แต่วันแรกนั้นได้ปรึกษากัน
|
คูณควณสวนสอบทุกตำรา
|
ดูชะตานคเรศเขตขัณฑ์
|
วางลัคน์อินทพาทบาทจันทร์
|
ก็ไม่เห็นสำคัญอันตราย
|
เพราะอานุภาพพระโอรส
|
ให้ปรากฏแก่โลกทั้งหลาย
|
ซึ่งฟ้าร้องสนั่นลั่นแลบพราย
|
บันดาลเป็นสายอินทรธนู
|
จะกึกก้องเกียรติยศทั้งทศทิศ
|
เรืองฤทธิ์ไม่มีที่เคียงคู่
|
พระจะเที่ยวโรมรันพันตู*
|
ปราบหมู่อริราชทุกบุรี
|
อันเกิดพายุใหญ่ไม้ล้ม
|
ระตูจะบังคมบทศรี*
|
ซึ่งฝนตกเจ็ดวันเจ็ดราตรี
|
บรรยากาศจะมีเนืองมา
|
เมื่อพระชันษาสิบห้าขวบ
|
พระเคราะห์ร้ายประจวบกันหนักหนา
|
จะพลัดพรากจากเมืองถึงสามครา
|
แต่ว่าเห็นไม่เป็นไรนัก
|
พระจะไปได้นางในเมืองอื่น
|
ชมชื่นรื่นรสด้วยยศศักดิ์
|
แล้วจำเป็นจะจากกันทั้งรัก
|
พระจะได้ทุกข์นักเพราะนารี
|
นางใดที่ประสงค์จำนงให้
|
ไม่อาลัยจะสลัดหลีกหนี
|
ซึ่งเมฆหมอกมืดมัวทั่วธาตรี
|
บดบังรังสีสุริยน
|
พระองค์ดั่งดวงทินกร
|
ทรงเดชขจรทุกแห่งหน
|
พระโอรสยศยิ่งภูวดล
|
เหมือนเมฆเกลื่อนกล่นเข้าบังไว้
|
ซึ่งเป็นควันตลบอบอัมพร
|
ภูธรจะทุกข์ทนหม่นไหม้
|
ด้วยโอรสาจะคลาไคล
|
จำเป็นจำให้กำจัดกัน
|
พระจะเที่ยวมะงุมมะงาหรา
|
ย่ำยีบีฑาทุกเขตขัณฑ์
|
สิบสามปีจะคืนกุเรปัน
|
จะได้สองนางนั้นมาธานี
|
จึ่งจะเย็นแหล่งหล้าประชากร
|
สโมสรเป็นสุขเกษมศรี
|
จะสมบูรณ์ยิ่งกว่าทุกวันนี้
|
พระจะมีมเหสีถึงสิบองค์
|
บรรดากรุงชวาทั้งปวงนั้น
|
จะขึ้นแก่กุเรปันเป็นส่วยส่ง
|
ข้าเห็นพร้อมกันเป็นมั่นคง
|
มิได้พะวงสงกา ฯ
|
ฯ ๒๖ คำ ฯ
|
|
๏ เมื่อนั้น
|
องค์ท้าวกุเรปันนาถา
|
ฟังคำทำนายโหรา
|
เกษมสันต์หรรษาเป็นพ้นนัก
|
จึงประทานบำเหน็จนานา
|
เสื้อผ้านุ่งห่มสมปัก
|
ให้โหรเฒ่าผู้ทำนายทายทัก
|
แล้วทรงศักดิ์เสด็จจากพระโรงคัล ฯ
|
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
|
อิเหนา : ท้าวกุเรปันบวงสรวงขอบุตรให้นางประไหมสุหรี (๕)
- Title : อิเหนา : ท้าวกุเรปันบวงสรวงขอบุตรให้นางประไหมสุหรี (๕)
- Posted by :
- Date : Wednesday, July 25, 2012
- Labels : บทละครรำ, อิเหนา
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment